เทศกาล Halloween : สุขสันต์วันผีหลอก

3,168 views

 

      เพื่อนๆ ชาวเกมเมอร์หลายๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีเป็น วันฮาโลวีน ซึ่งวันนี้เองเราก็จะได้เห็นตามสถานที่ต่างๆ ประดับประดาตกแต่งให้เข้ากับบรรดากาศแห่งค่ำคืนสยองขวัญ  ในต่างประเทศจะมีผู้คนแต่งกายเป็น ภูตผี ปีศาจออกมาร่วมทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน   ไม่เว้นแม้กระทั่งภาพยนต์สยองขวัญหลายๆ เรื่องก็มีการนำเทศกาลฮาโลวีนมาเป็นต้นแบบ
      ในส่วนของเกมออนไลน์ต่างๆ ที่เปิดให้บริการในบ้านเราก็จัดกิจกรรมต้อนรับกับเทศกาลฮาโลวีน (สามารถดูได้ที่หน้าเว็บไซต์ www.compgamer.com ) ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมสนุกกัน  แต่ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนคงยังไม่รู้ถึงที่มาว่าทำไมถึงมีเทศกาลฮาโลวีน แล้วทำไมฮาโลวีนถึงเกี่ยวกับผีถ้าอยากรู้แล้วก็ไปดูพร้อมกันเลยครับ 

 

      วันฮาโลวีน ที่ฉลองกันในปัจจุบันนี้เชื่อว่ามีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาว Celt กลุ่มชนพื้นเมืองบนเกาะอังกฤษ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่เรียกว่า Samhain คำนี้หมายถึงวันสิ้นสุดฤดูร้อนและเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตายด้วย วันนี้จะเป็นวันที่เส้นกั้นเขตแดนระหว่างคนเป็นกับคนตายเปราะบางมากที่สุดและเหล่าวิญญาณจะออกมาปะปนกับผู้คนบนโลกมนุษย์ได้
    ค่ำคืนวันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเป็นคืนก่อนวันฉลอง Samhain จะเรียกวิญญาณของผู้ที่ตายในปีนั้นทั้งหมดขึ้นมาปรากฏตัวบนโลก บ้างก็ว่าเพื่อให้ผู้ตายไปเยี่ยมญาติ บ้างก็ว่าเพื่อให้ผู้ที่ถูกพิพากษาให้เข้าสิงสถิตในร่างสัตว์ขึ้นมาหาร่างใหม่ นอกจากนี้คืนดังกล่าวจะเป็นคืนเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวและอาจมีการนำสัตว์หรือพืชผลมาบูชายัญให้กับเหล่าภูติผีและวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับและจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาว Celt

     ในสมัยต่อมาชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลองของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญและผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว
 
      แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow’s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween ความเชื่อและประเพณีดั้งเดิมได้ถูกลืมเลือนและเปลี่ยนไปเป็นพิธีกรรมทางศาสนาแทน โดยมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วซึ่ง เรียกว่า “ประเพณี Trick and Treat” ซึ่งก็คือการเดินไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ เพื่อขอขนมเค้กสำหรับวิญญาณ (Soul Cake)

 

    ซึ่งผู้ที่เดินไปเคาะประตูตามบ้านนั้นเปรียบเสมือนกับคน กลางที่จะนำส่วนบุญจากผู้บริจาคขนมเค้กดังกล่าวไปให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ยิ่งได้รับของบริจาคมากขึ้นเท่าใด ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็จะยิ่งมีบุญ มากขึ้น ได้ไปสู่สรวงสวรรค์เร็วยิ่งขึ้น ส่วนการฉลองก็กลายมาเป็นวันเล่นสนุกสำหรับวัยรุ่นด้วยการแต่งตัวเลียนแบบภูติผีหรือวิญญาณ รวมทั้งการทำตะเกียงฟักทอง และประเพณี Trick and Treat ในปัจจุบัน

      ต่อมา เมื่อชาวอังกฤษอพยพมาอาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกาก็นำเอาเทศกาลฮาโลวีนมาเผยแพร่ยังดินแดนนี้ด้วย แต่ทว่าส่วนที่เป็นหัวใจหลักของประเพณีนั้นได้ถูกลืมเลือนไป คงเหลือไว้แต่การละเล่นสนุกๆ ด้วยการแต่งกายเป็นผีหลอกคนเป็นด้วยกันเท่านั้นเองส่วนประเพณี Trick and Treat นั้นก็เป็นเพียงการ เล่นสนุกของบรรดาเด็กๆ โดยการเดินไปเคาะประตูตามบ้านแล้วร้องถาม ว่า “Trick or Treat?” ถ้าเจ้าของบ้านตอบว่า Trick ก็จะถูกเด็กๆ แกล้ง แต่ ถ้าตอบว่า Treat ก็ต้องนำของกินมาแจกเด็กๆ

           แม้ว่า การจัดงาน วัน “ฮาโลวีน” ในปัจจุบันจะไม่บ่งถึงต้นตอของที่มาทางความคิด เรื่อง “นักบุญ”, และ “ผู้ล่วงลับ” อีกทั้งกลายเป็นงาน “ปาร์ตี้” ทางโลกเต็มตัวไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าหากความสนุกสนานจะมีควบคู่ไปกับชีวิตเราแล้วล่ะก้อ, วัน “ฮาโลวีน” ในฐานะเป็นงานสังสรรค์และเพิ่มสีสันให้กับชีวิตก็ไม่น่ารังเกียจอะไร โดยยังมีความหมายว่า “นรก” มีจริง และ “เราควรจะหลีกเลี่ยงให้ได้”   วัน “ฮาโลวีน” น่าจะเตรียมเราให้ระลึกถึงผู้ที่จากเราไปก่อนล่วงหน้าในความเชื่อ, พวกเขาได้อยู่บนสวรรค์ และพวกที่ยังต้อง ชดใช้โทษบาปในไฟชำระ หากใครบางคนหลีกเลี่ยงงาน “ฮาโลวีน”ไม่ได้จริงๆ หรือมีคนมาทักว่างานนี้จะทำให้เด็กๆ กลับไปบูชาปีศาจ ผมก็แนะนำให้บอกต้นตอการเกิดวัน “ฮาโลวีน”ที่แท้จริงแก่พวกเขา และให้พวกเขาได้รู้จัก รากความเชื่อแท้จริงของคาทอลิกอันเกี่ยวกับความตาย, นักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ และวิญญาณในไฟชำระอันเป็นความเชื่อสำคัญ อันหนึ่งของเรา

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : wikipedia , zabza.com