…..คีย์บอร์ดตัวนี้ได้ตัดโซน Num Pad และปุ่มมาโครจากตัวต้นแบบให้มีขนาดเล็กลง เหมาะกับการนำไปใช้แข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ เพราะคีย์บอร์ดตัวสั้นจะพาพกง่าย เวลาเจอโต๊ะเล็กๆ ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ลากเม้าส์ รูปทรงและประสิทธิภาพของมันไม่แตกต่างจาก BlackWidow ปกติเท่าไหร่นัก ผิวสัมผัสเป็นแบบดำด้าน แถมประกอบออกมาได้ดีไม่ก๊อกแก๊ก จับก็รู้ว่าทนทานและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า มีการตัดเอาไฟใต้ปุ่มออกไปเยอะ ส่งผลให้น้ำหนักของมันจะน้อยกว่าตัวรุ่นพี่ที่มี Num Pad และปุ่มมาโครเสียอีก ด้านใต้มีแผ่นยางหนาช่วยกันลื่นยึดโต๊ะได้อย่างดี
ข้อมูลจำเพาะของคีย์บอร์ด
วัสดุและรูปทรงภายนอก
ขนาด : 366 x 154.15 x 30 มิลลิเมตร
ระบบของปุ่มกด : Mechanical
การเชื่อมต่อ : USB แยกสายได้
แสงบนปุ่มคีย์บอร์ด : มีบางปุ่ม เพิ่มลดแสงได้
ปุ่มพิเศษ : 5 ปุ่ม
ปุ่ม Multimedia : 6 ปุ่ม
ประเภทสาย : ไนลอนถัก
การเซ็ตค่าปุ่มบนคีย์บอร์ด
ตั้งมาโคร : ทำงานได้
เซ็ตมาโครบนปุ่มที่ใช้พิมพ์ : ทำงานได้
แก้ไขเวลาหน่วงระหว่างมาโคร : ทำงานได้
ใช้การคลิกร่วมในมาโคร : ทำงานได้
จำนวนโปรไฟล์ที่ตั้งได้ : ไม่จำกัด
ใช้ปุ่มเพื่อเปลี่ยนโปรไฟล์ : ทำงานได้
ปรับโปรไฟล์อัตโนมัติตามเกมที่เล่น : ได้
ยกเลิกการใช้ปุ่ม Windows : ทำงานได้
ปุ่มบันทึกมาโครบนคีย์บอร์ด : ทำงานได้
…..สวิตช์ที่ใช้เป็นแบบ Mechanical ที่มีอัตราตอบสนองดีเยี่ยม ซึ่ง BlackWidow Tournament Edition ใช้สวิตช์สีฟ้า เวลากดจะมี 2 จังหวะ เสียงคลิกค่อนข้างดังและใช้น้ำหนักพอประมาณ ด้วยขนาดของปุ่มที่เท่ากับคีย์บอร์ดมาตรฐานทำให้ไม่มีปัญหาในการพิมพ์ ส่วนการเล่นเกมก็ได้ทุกแนวเลย ปกติกดพร้อมกันสูงสุดได้ 6 ปุ่มแต่พอใช้ Gaming Mode จะกดพร้อมกันได้ 10 ปุ่ม แถมยกเลิกการทำงานของปุ่ม Windows ให้ด้วย แม้ไม่มีปุ่มมาโคร แต่รุ่นนี้สามารถบันทึกตั้งค่ามาโครได้โดยไม่ต้องเปิดไดรเวอร์ขึ้นมาได้
…..ไดรเวอร์ของ BlackWidow Tournament Edition ใช้เทคโนโลยี Razer Synapse 2.0 ที่ช่วยเก็บข้อมูลการตั้งค่าต่างๆ ไว้บน Cloud แค่ล็อคอินเข้าระบบก็สามารถนำการปรับแต่งของเรามาใช้กับอุปกรณ์ได้ทุกที่ทุกเวลา
…..สรุปแล้วคีย์บอร์ดตัวนี้ทำออกมาให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เอาไปใช้แข่งได้อย่างไร้ปัญหา ต้องขอขอบคุณ Ascenti Resource Company เป็นอย่างยิ่งครับที่นำคีย์บอร์ดรุ่นนี้มาให้ทดสอบกัน