โปรแกรมป้องกันเด็กติดเกม ความคิดดี แต่ใช้จริงท่าจะไม่ไหว

1,785 views

วันว่างช่วงต้นสัปดาห์ว่างเว้นจากการปิดต้นฉบับ ก็นั่งเล่นเกมโน่นนี่นั่นกันตามประสา เก็บเลเวลให้กับตัวเองให้พอที่จะไปสู้รัดฟัดเหวี่ยงกับชาวบ้านชาวช่องเขาได้บ้าง ไม่ต้องถึงกับเก่งแต่ขอให้พอเกาะกลุ่มก็พอใจ เล่นไประแวงไป กลัวเจ้านายจะหาว่าอู้งานกินแรงน้องๆ แต่เหลือบดูข้างหน้า อ้อ เล่นเกมเหมือนเรา ก็เลยได้ทีเล่นมันทั้งวัน กะปั่นเลเวลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะโอกาสที่จะว่างมานั่งเล่นไม่ค่อยมีกับเขาเท่าไหร่ จะมีก็แค่วันละชั่วโมงสองชั่วโมงที่จะได้เล่นกันแบบจริงๆ จังๆ แต่สุดท้ายก็มีกรรม เพราะมีลิ้งค์ส่งตรงมายังข้อความเฟสบุ๊คจากน้องสาวสุดสวยแล้วบอกว่า “อ่านซะ” ก็เลยคลิกเข้าไปดู แต่ต้องถึงกับงงอยู่พักใหญ่ว่ามันมีจริงๆ หรือนี่ โอ้ววววว

ลิ้งค์ที่ว่าคือข่าวของการเปิดตัวโปรแกรมที่ชื่อว่า Gamer Gard โปรแกรมป้องกันเด็กติดเกม ที่ทางกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ร่วมกันจัดสัมมนาพร้อมเปิดตัวโปรแกรม Game Gard ตอนแรกผมก็สงสัยว่าตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่ เพราะเท่าที่อ่านดูจากชื่อที่บอกว่า โปรแกรมป้องกันเด็กติดเกม ก็เลยลองอ่านดูว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง และจะสามารถสกัดกั้นปัญหาโลกแตกนี้ได้อย่างไร ซึ่งเท่าที่อ่านดู คุณสมบัติของเจ้า Gamer Gard ก็จะเน้นไปที่การส่งเสริมการเล่นเกมและอินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสม มีระบบซอฟท์แวร์แจ้งเตือนสำหรับผู้ที่เล่นเกมและอินเทอร์เน็ตนานเกินไป ย้ำนะครับว่าแจ้งเตือน ไม่ถึงกับตัดหรือบล็อค ที่สำคัญยังมีระบบที่สามารถบันทึกข้อมูล และเรียกดูย้อนหลังว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานเล่นเกมอะไรบ้าง เข้าเว็บอะไร ใช้เวลาเล่นนานเท่าไหร่ได้ด้วย

จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวไป หลายท่านอาจจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การแจ้งเตือนเกี่ยวกับระยะเวลาหรือพฤติกรรมการเล่นเกมของเกมเมอร์ในบ้านเรา มีหลายๆ เกมที่ใส่ระบบนี้เข้าไป และแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อไอดีนั้น Login เป็นเวลานานๆ หรือบางครั้งบางทีอาจจะแสดงเตือนตอนหน้า Loading ก็มีให้เห็น ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมด มีมานานมาก นานจนผมไม่รู้ว่าเกมไหนเป็นเกมแรกที่ใช้ระบบการเตือนแบบนี้เข้าไป ถามว่าดีมั้ย อันนี้ต้องตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับว่ามันดีแน่นอน เพราะอย่างน้อยผู้ให้บริการเองก็ยังห่วงใยสุขภาพของผู้เล่น แต่ถามว่ามันได้ผลหรือไม่ อันนี้ก็ต้องตอบแบบไม่ต้องคิดอีกครั้งว่า มันไม่ได้ผล 100% เพราะเท่าที่ถามไถ่จากเกมเมอร์ทั่วๆ ไปว่า เคยอ่านข้อความเตือนเกี่ยวกับการเล่นเกมเป็นเวลานานๆ หรือไม่ คำตอบที่ได้คือเห็น แต่ไม่ทำตาม ยังไงก็คงเล่นต่อไป และไม่ได้หยุดเล่นเกมตามที่ระบบแนะนำ แต่หากถึงเวลาที่จะต้องเลิกก็คือเลิก แล้วแต่ละบุคคลว่าจะนานมากน้อยขนาดไหน อันนี้ผมก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้า Gamer Gard มันจะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดหรือไม่

ระบบในเกมเขาก็เตือนอยู่ มีใครบ้างที่จะเลิกเล่น

ส่วนคุณสมบัติที่ว่าสามารถตรวจดูย้อนหลังได้นั้น อันนี้มันก็ดีสำหรับผู้ปกครองที่เอาใจใส่ต่อลูกหลานของตัวเอง หากมีโปรแกรมแล้วใช้เป็นมันก็ดีไป คำว่าใช้เป็นไม่ใช่แค่ลง เปิด ปิดโปรแกรมเท่านั้น มันคือการใช้คุณสมบัติที่มีให้ถูกทาง แต่หากมีแล้วใช้ไม่ถูกทางผมว่ามันก็จะกลายเป็นดาบ 2 คมที่จะบั่นทอนเราเมื่อไหร่ก็ได้ กล่าวคือ หากตรวจสอบการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วพบเจอสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ อย่างพวกเว็บอนาจาร เกมลามก รวมถึงเล่นนานเกินไป ทีนี้ผู้ปกครองจะทำอย่างไรหลังจากที่ตรวจสอบ ตรงนั้นสิครับที่ถือว่ามันละเอียดอ่อน เพราะเมื่อโปรแกรมช่วยแจ้งเตือน มันก็สิ้นสุดหน้าที่ แต่หากผู้ปกครองไม่เตือนหรือเตือนในทางที่ผิด เท่ากับว่าโปรแกรมก็ไร้ความหมาย แทนที่จะช่วยแก้ปัญหา กลับกลายเป็นไม่ช่วยอะไรเลย มิหนำซ้ำ โปรแกรมตัวนี้เท่าที่ดูจากหลายๆ การทดสอบ พบว่ายังไม่สมบูรณ์แบบ 100% เท่ากับว่าตอนนี้แทบจะยังใช้การไม่ได้ด้วยซ้ำไป

ขอบคุณรูปภาพจากคุณ joyka  Login pantip 

ปัญหาเด็กติดเกมผมบอกตามตรงเลยครับว่า มันคือปัญหาโลกแตก ที่ไม่สามารถแก้ได้ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ทั้งสภาพแวดล้อม การดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง และที่สำคัญ การรู้จักคิดและแยกแยะของแต่ละคน ส่วนหลายฝ่ายมักบอกว่าเกมมันยั่วยุ และชี้นำให้มีพฤติกรรมเรียนแบบ อันนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน และพูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่เกี่ยว เพราะตัวเกมบางเกมมันก็ยั่วยุและรุนแรงเกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวผู้เล่นเองว่า จะแยกแยะได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งตามสถิติบอกไว้ว่า ร้อยละ 13.3 ที่เด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อเล่นเกม หลายคนบอกว่าส่วนน้อย แต่ผมว่า 13.3 มันเยอะเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ ซึ่งเด็กที่อยู่ในกลุ่มนี้แหละครับที่มีความสุมเสี่ยงทั้งจากการเล่นเกมเป็นเวลานาน และพฤติกรรมเรียนแบบ

เพราะฉะนั้นการร่วมมือกันมันจึงเป็นทางออกที่ดูแล้วจะออกมาดีที่สุด ตั้งแต่ตัวคนเล่นรวมไปถึงผู้ปกครอง ร้านเกม ผู้ให้บริการ หรือแม้กระทั่งหน่วยงานราชการ หยุดโยนความผิดให้พ้นตัวแล้วโทษคนอื่นว่าทำให้เด็กติดเกม แลัวมองไปที่แก่นแท้ของปัญหาว่าแท้ที่จริงมันเกิดจากอะไร เกมที่ดีมีให้เล่นเยอะ แต่เกมที่เลอะเทอะก็มีเกลื่อนเมือง ก่อนอื่นต้องเลือกที่จะเล่น หากเล่นต้องแยกแยะว่าอะไรคือชีวิตจริงอะไรคือเกม ปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจเด็ก แนะนำแต่อย่าห้าม ฝึกให้เด็กคิด ร้านเกมก็ทำตามระเบียบ รัฐก็ตั้งกฏและบังคับใช้ให้สมเหตุสมผล เท่านี้ตัวเลข 13.3 อาจจะลดลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ถึงศูนย์ แต่ก็ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี พูดเหมือนง่ายนะครับ แต่ทำยากมาก ถึงต้องบอกไงว่า ช่วยๆ กัน เริ่มจากตัวเรานี่แหละดีที่สุด ส่วนใครจะผลิตโปรแกรมอะไร มีวิธีการแบบไหน ก็ถือว่าเป็นส่วนช่วยไม่มากก็น้อย ไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นความย่ำแย่ในสังคม ลองเปรียบเทียบบ้านเรากับต่างประเทศ ปัญหาก็มีไม่ต่างกัน เขายังอยู่กันได้ มิหนำซ้ำ ยังใช้อุตสาหกรรมเกมเป็นตัวกอบโกยรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนเงินมหาศาล ส่วนบ้านเราเมื่อมีปัญหาก็มักจะตัดทิ้ง น้อยครั้งที่จะรักษาให้ดีขึ้น หลายภาคส่วนร่วมกันลงมือแก้ปัญหาเด็กติดเกม แต่สุดท้ายคงจะเหลว หากพวกเกมเมอร์อย่างเราๆ ไม่ร่วมมือ ไม่ว่าโปรแกรมอะไรก็ช่วยไม่ได้ แต่ก็นะ ตอนนี้พูดไปก็ไม่ได้อะไร เอาเป็นว่าผมจะเล่นเกมพอหอมปากหอมคอ เล่นเป็นเวลา ไม่มากไม่น้อย เล่นตอนว่าง ถึงเวลากินคือกิน เวลางานคืองาน เวลานอนคือนอน พักผ่อนออกกำลังให้เพียงพอ อย่างน้อยสังคมเกมก็มีคนแยกแยะเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วครับ คือตัวผมเองนี่แหละ ^^ คุณล่ะลองทำหรือยัง