งาน EVENT เกมบ้านเรามีเยอะ แต่ขอแค่ปีละครั้งที่จะรวมตัวเพื่อวงการ

1,611 views

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าร่วมการเปิดตัวงานเกมงานหนึ่ง ที่ทาง MOL&Zest เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดงานครั้งนี้ โดยใช้ชื่องานว่า MOL Let’s Play งานเกมที่ทางผู้จัดเองการันตีว่า จะเป็นงานเกมที่ใหญ่ที่สุดของ South East Asia ซึ่งงานนี้ได้รวบรวมพันธมิตรอย่าง 3BB, AIS 12Call, dFUSION และ Compgamer เข้ามาช่วยกันสรรค์สร้างความมันส์ให้กับตัวงาน ซึ่งสุดท้ายแล้วงานนี้จะเป็นอย่างไรเราคงต้องรอติดตามกันต่อไปหลังจากนี้ สำหรับ Event เกมงานใหม่ที่จะเกิดขึ้นในวันเด็กปีหน้า ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาและเป็นตัวฉุกคิกว่า เออ เนอะ ลองนั่งนับๆ ดู งานเกมในบ้านเราถือว่ามีมากมายสุดบรรยายจริงๆ

ผมจะไม่ขอเอ่ยชื่อหรอกนะครับว่ามีงานเกมในบ้านเราไปแล้วกี่งาน ซึ่งหากจะนับคงยาวเป็นหางว่าว แต่ที่จะออกมาพูดถึงเรื่องนี้ก็เพื่อให้เกมเมอร์อย่างเราๆ นี่แหละ ช่วยกันเป็นจิ๊กซอร์ตัวหนึ่ง ในการขับเคลื่อนงาน EVENT ให้ดำเนินเดินต่อไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะจุดมุ่งหมายหลักของการจัดงานแต่ละงาน ผมเชื่อว่าเป้าหมายหลักคือการมอบความสุข ความสนุก ความมันส์ให้กับผู้เข้าร่วมงาน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็มีความต้องการรองๆ ลงไป แล้วแต่ทางผู้จัดเองว่าจะต้องการอะไรตามมา

หลายงานที่มีการโชว์ศักยภาพของงานด้วยการชูยอดผู้เข้าชมงาน อันนี้ไม่ผิดหรอกครับ เพราะมันคือจุดขาย ที่ทางผู้จัด สามารถเอาไปเป็นส่วนในการยื่นขอสปอร์นเซอร์ของปีถัดๆ ไป รวมถึงการใช้เป็นเครดิต และการันตีว่างานคึกคักเพียงใด อันนั้นมันเป็นเรื่องของเชิงธุรกิจที่ทางเบื้องบนเขามองกัน แต่หากมองในระดับเกมเมอร์ เรื่องยอดผู้เข้าชมงานผมว่ามันเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ เท่านั้น จะปั้มหรือจะนับแบบไหนก็สุดแล้วแต่ผู้จัด เพียงแต่ขอให้หลังจากที่เดินผ่านประตูที่นับตัวเราว่าเป็นหนึ่งในยอดผู้เข้าชมแล้วเนี่ย เราจะได้อะไรกลับออกไปมากกว่า อันนี้ครับที่ทางเกมเมอร์คาดหวังเหนือสิ่งอื่นใด

ซึ่งภายในงานของทุกๆ งานจะมีของทั้งส่วนกลาง และส่วนของบูธค่ายเกม ซึ่งส่วนกลางก็มักจะมีกิจกรรมอยู่ตลอดเวลาไม่ให้ขาดสาย ส่วนบูธค่ายเกมเองก็เช่นกัน ต้องมีกิจกรรมเล่น มีของแจก หรือขายของลดราคา รวมถึงการแข่งขัน E-Sports ซึ่งทั้งหมดนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานเกมในบ้านเราไปเสียแล้ว หากขาดตกบกพร่องกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งไปแล้ว ผมว่ามีกร่อยแน่นอน มันจึงเป็นที่มาของการชิงความได้เปรียบของแต่ละค่าย เพื่อเรียกเกมเมอร์เข้าบูธ ทำให้เกิดมลพิษบางอย่างที่มันไปก่อเกิดในจิตใจของผู้หลักผู้ใหญ่ของค่ายต่างๆ นั่นคือมลพิษทางเสียงนั่นเอง

การจัดงานเกมที่มีตัวกลางแล้วค่ายเกมต่างๆ มาร่วมกันออกนั้น มันต้องมีช่วงเวลาของการใช้เสียงแต่ละบูธ มันจึงเกิดปัญหาบ่อยครั้งที่มีการตีกันของเสียงแต่ละเวที ไม่มีใครหรอกครับที่อยากจะให้บูธตัวเองดูเงียบ มันเลยเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และหลายงาน เป็นเหตุให้หลายๆ ค่าย เริ่มที่จะจัดงานเป็นของตัวเองมากกว่าไปจัดร่วมกับคนอื่น เพราะสามารถใช้สอยพื้นที่ได้เต็มที่นั่นเอง

ถามว่าผิดหรือไม่หากจะแยกกันจัดแบบนี้ บอกเลยครับว่าไม่ผิด ดีเสียอีกที่ในแต่ละปีจะมีงานเกมให้เราได้สนุกกันมากมายนับไม่ถ้วน ต้นปีค่ายโน้น กลางปีค่ายนี้ ปลายปีค่ายนั้น ไม่ดีเหรอครับ เพียงแต่การแยกกันจัดแบบนี้ มันคือการแข่งขันที่นับวันวงการเราจะแตกออกไปทุกที แน่นอนว่าคนที่ได้ประโยชน์คือเกมเมอร์ เพราะแต่ละค่ายต้องงัดไม้เด็ดออกมาโชว์กันอยู่แล้ว แต่บางครั้งการแยกกันจัด มันเกิดกรณีที่เรียกได้ว่าการขัดแข้งขัดขาที่ผมมองว่า มันน่าจะแข่งขันของการจัดแสดงมากกว่าที่จะมาขัดแข้งขัดขากันไปมา พอนานวันเข้า วงการเราก็จะถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ เพราะเกิดการชิงดีชิงเด่นกันนั่นเอง หากชิงดีชิงเด่นกันในเชิงบวก มันก็โอเคเซเยส เฮกันไปตามประสา เพราะงานจะต้องออกมาดีแน่ แต่หากชิงกันแบบใส่กันคนละดอกสองดอก อันนี้มีแต่จะจบกันเปล่าๆ สุดท้ายความเชื่อมั่นที่้เกมเมอร์มีให้มันก็จะถดถอยและไม่เหลืออะไรเลย ยอมรับว่าอีกค่ายคือคู่แข่งขัน และแข่งกันแบบแฟร์ๆ เพื่อให้ประโยชน์ตกไปที่เกมเมอร์แบบนี้สิครับที่จะทำให้ทุกอย่างไปได้สวย

แต่ลองคิดกลับ หรือลองมองไปยังงานเกมของต่างประเทศ งานเกมหลายงานที่ถือว่าเป็นงานระดับโลกไปแล้ว ยกตัวอย่างแบบที่เห็นกันชัดๆ ก็อย่าง GStar, ChinaJoy หรือ E3 ลองเปรียบเทียบความต่างดู ว่ามันต่างจากบ้านเราอย่างไร อันนี้อย่ามองที่ประเทศพวกเขามีอุตสาหกรรมเกมอยู่ในมือ การจัดงานมันก็เพื่อขายเกมออกสู่ตลาดโลก เลยทำให้มีผู้คนสนใจจากทั่วทุกมุมโลก แต่บ้านเรามันต่างออกไป เพราะเราแค่ซื่อมาเปิด และแค่จัดแสดงโชว์เท่านั้น หากมองแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการดูถูกตัวเองเข้าทุกวัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีอุตสาหกรรมเกมอยู่ในมือเฉกเช่นประเทศอื่นๆ แต่ที่ผมให้มองคือการรวมตัวของบริษัทเกมต่างๆ ที่ไม่ว่าเขาจะแข่งขันกันสูงเพียงใด สุดท้ายแล้วในปีหนึ่งๆ เขาจะมารวมกันเพื่อจัดงาน EVENT มาช่วยกันขับเคลื่อน และแสดงพลังของวงการเกมให้ชาวโลกได้เห็น ผมจะดีใจมากหากบ้านเราคิดเหมือนอย่างที่เขาทำ นั่นคือการรวมตัวของค่ายเกมต่างๆ ภายใต้งานใดงานหนึ่ง ปีนึงจะครั้งหรือ 2 ครั้งก็ว่ากันไป เพราะนั่นมันจะทำให้วงการของเราแข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว

ที่ออกมาบอกเช่นนี้ก็เพื่อเชิญชวนให้ค่ายต่างๆ หันมาจับมือกัน และร่วมกันจัดงานให้ออกมายิ่งใหญ่ ซึ่งงานที่ดีต้องมีผู้จัดหรือสื่อกลางที่สามารถประสานการจัดงานได้แบบเป็นกลาง พร้อมที่จะคุยกับทุกคน ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ซึ่งมองดูแล้วตอนนี้งาน MOL Let’s Play นี่แหละครับ ที่น่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ หากลองคิดเล่นๆ ว่าค่ายเกมเมืองไทยมาร่วมงานสัก 80% ผมว่าตัวงานก็ออกมายิ่งใหญ่แล้ว ใครละครับที่จะได้ประโยชน์ ไม่ใช่ผู้จัด แต่เป็นเกมเมอร์ที่เข้าชมงาน และผลจากการให้อะไรกับเกมเมอร์ มันจะส่งผลให้กับค่ายเกมต่างๆ ด้วยเช่นกัน ก็หวังว่างาน MOL Let’s Play ที่จะจัดขึ้นในวันเด็กปีหน้าที่ไบเทคบางนา จะมีทั้งค่ายเกมมากหน้าหลายตา และกองทัพเกมเมอร์ที่แห่เข้าชมงาน หากภาพนั้นออกมาจริงๆ ผมต้องขอขอบคุณงามๆ สำหรับทุกฝ่าย เพราะนั่นมันคือส่วนหนึ่งในการแสดงพลังของคนในวงการเกมให้ภายนอกได้เห็นว่าเรายิ่งใหญ่เพียงใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น งานเกมที่ดีต้องมีอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ทั้งเรื่องความรุนแรง การนุ่งน้อยห่มน้อย ที่หลายฝ่ายมักจะเพ่งเล็งกันเป็นพิเศษ ก็หวังว่างาน MOL Let’s Play จะควบคุมตรงนั้นอยู่ ที่เหลือก็รอดูกันว่า สุดท้ายแล้ววันเด็กปีหน้างานจะออกมาแบบไหน รอติดตามครับ