เป็นเรื่องฮือฮากันพอสมควรเลยนะครับสำหรับกรณีของเด็กเล่นเกมคุกกี้รัน แล้วเจอบิลเรียกเก็บปลายทางจำนวนเงิน 200,000 บาท จนพ่อแม่แทบช็อค บอกกันตามตรงว่ากรณีแบบนี้เจอกับตัวคงลมจับ ล้มพับกองกับพื้นแน่ เพราะเล่นเกมอะไรทำไมมียอดชำระมากมายขนาดนี้
ตามเนื้อข่าวระบุว่า ต้นเหตุของการเสียเงินในครั้งนี้ ไม่ใช่มาจากระบบของบัตรเครดิต แต่เป็นการเรียกเก็บชำระเงินจากทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง ซึ่งมีสรรพคุณระบุไว้ชัดเจนว่า เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ สามารถซื้อไอเทม สติ๊กเกอร์ หรือพวกแอพต่างๆ ได้โดยไม่ต้องง้อบัตรเครดิต เพียงแค่ตัดเงินตามระบบของโทรศัพท์เท่านั้น แบบนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านชอบครับ เพราะอาจจะห่วงเรื่องความปลอดภัยเมื่อนำเลขบัตรเครดิตไปผูกอยู่กับอะไรสักอย่าง เพราะปัจจุบันนี้การโดนแฮคมีเยอะ ดังนั้นเมื่อมีตัวเลือกจากผู้ให้บริการที่ไม่ต้องการเสียงกับการถูกแฮค มันก็เลยถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยกว่า และเลือกใช้ตรงนั้น แต่สุดท้ายมันก็คือดาบ 2 คมอย่างที่เป็นข่าวขึ้นมา โดยต้นเหตุของการเสียเงินในครั้งนี้มาจากเกมที่เล่นกันทุกเพศทุกวัย วิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างคุกกี้รันนั่นเอง
ผมเชื่อว่าหลายท่านที่ทราบข่าว อาจจะมองต่างมุมกันออกไป เพราะเรื่องที่เกิดมันมีหลายเหตุผลที่ต้องเสียเงินตรงนั้น และแน่นอนว่าหนึ่งในมุมมองคือการตกเป็นจำเลยของเจ้าคุกกี้รัน ที่อาจจะเข้าข่ายเกมมอมเมาเยาวชน ทั้งๆ ที่ตัวเกมไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ติดตรงที่การมีระบบซื้อไอเทมนี่แหละ ที่อาจจะทำให้หลายท่านอาจจะมองไปถึงจุดนั้น หรือบางท่านก็อาจจะมองไปที่ระบบของการเติมเงิน หรือระบบการหักเงินของเคลือข่ายโทรศัพท์ ว่าใช้ง่ายกันเกินไปหรือไม่ เพราะแน่นอนว่าเมื่อวิธีใช้ไม่ยุ่งยาก การจ่ายก็จะง่ายตามไปด้วย เพราะนิสัยของคนส่วนใหญ่ก็เน้นความสบายไม่ยุ่งยากเป็นทุนเดิม เลยทำให้เกิดเหตุการนี้ขึ้นมา ถามว่าทั้งผู้ให้บริการเกมคุกกี้รัน หรือผู้ให้บริการเคลือข่ายมือถือผิดหรือไม่ บอกกันตามความคิดส่วนตัวเลยครับว่า มองยังไงก็ไม่ผิด เพราะผู้ให้บริการต้องหาวิธีการที่ทำให้ผู้ใช้บริการได้ทำอะไรให้ง่าย คล่อง และสะดวก เพื่อเป็นทางเลือกของการใช้บริการ เพราะพูดกันตามตรง อะไรที่มันยุ่งยากผมยังไม่ใช้เลย
แต่ไอ้ความง่ายนี่แหละที่มันเป็นปัญหา เมื่อผู้ให้บริการเขาทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้ใช้อะไรง่ายๆ ผู้ใช้บริการเองก็อย่าทำอะไรให้มันง่ายเหมือนกับการบริการ ซึ่งผมหมายถึงอย่าติดอะไรที่ง่ายๆ จนเป็นนิสัย เพราะความสะดวกสบายมากไปบางทีก็ย้อนกลับมาทำร้ายเราหลายๆ เรื่องในแบบที่คาดไม่ถึง ตัวอย่างกรณีนี้เราจะทำให้มันไม่ง่ายก็ได้ เพียงแค่ล็อครหัสผ่านซะก็จบ แค่เข้าไปที่ Play Store เลือก Setting และตั้งค่า For all purchase through Google Play on this device เท่านี้ก็จะเป็นการบังคับให้ผู้ชื่อต้องกรอกรหัสผ่านทุกครั้งที่ใช้แล้ว ซึ่งในแบบนี้ผู้ใช้งาน App Store ของระบบ iOS คงจะเคยชิน เพราะต้องกรอกรหัสผ่านทุกครั้งที่มีการโหลดแอพ ลองทำให้มันเคยชินซะ แล้วปัญหาการลักลอบซื้อไอเทมหรือแอพต่างๆ ของลูกหลานท่านก็จะไม่เกิด ถ้าอยากได้มากก็ให้มาขอแล้วเราโหลดให้โดยไม่บอกรหัสผ่านก็จบแล้ว ส่วนพวกที่ผูกกับบัตรเครดิตก็เข้าไปลบบัญชีของท่านได้ที่ https://wallet.google.com/ แล้วแต่จะเลือกใช้แล้วกันครับ
ก็แค่อยากจะฝากถึงทุกท่านที่อ่าน ว่าทำอะไรก็แล้วแต่ จงนึกถึงความปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก ความสะดวกสบายไว้ทีหลัง อะไรที่เป็นของส่วนตัวก็ควรจะทำให้เป็นส่วนตัว ใส่รหัสผ่านได้ก็ใส่ไป แต่สำหรับคนที่มีแฟนก็ทำใจ เพราะขืนใส่รหัสผ่านก็หาว่ามีความลับ ส่วนอะไรที่ให้คนอื่นใช้ ก็จงจำกัดขอบเขตของการใช้เสียแต่เนิ่นๆ เพราะถ้ามันเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา ปัญหามันจะตามมาไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่เชื่อเถอะครับ นั่งเคลียดกันทุกครั้งเมื่อต้องเสียเงินจำนวนมากๆ ไม่ใช่เฉพาะเกม หรือแอพ แต่เป็นทุกบริการที่เราใช้ ฝากกันไว้ด้วย