ธุรกิจเกมเมืองไทยไม่มีใครกำหนด นอกจาก “เรา” เท่านั้น

2,137 views

จากเมื่อครั้งก่อน ดันไปเขียนวิพากษ์วิจารณ์ Asiasoft เกี่ยวกับความต่อเนื่องในการรักษามาตรฐานของความยิ่งใหญ่ที่เคยทำได้ ที่กำลังถดถอยลงในช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีกระแสรุมกระหน่ำซ้ำเติมจากเกมเมอร์ผู้ที่เคยมี Asiasoft ในหัวใจ ว่าทำไมทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้มันอธิบายยากนะครับ ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าทำเพื่อลูกค้า เพื่อเกมเมอร์ หรือเพื่อวงการ แต่สุดท้ายมันก็ต้องมีนโยบายการหารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเฉกเช่นที่เกมเมอร์หลายคนก็กำลังเป็นระหว่างการแบ่งเวลาเล่นกับทำงาน ซึ่งต้องเข้าใจในจุดนั้น เพราะนี่มันคือธุรกิจ ไม่ใช่การเล่นเพื่อเอาสนุกเหมือนอย่างที่หลายท่านคิด

ธุรกิจเกมบ้านเราบอกกันตรงๆ เลยว่า มันโตเร็วมาก เร็วจนขนาดที่ผมเองยังไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมาได้ถึงขนาดนี้ แต่ก่อนสมัยยุคของเกมคอนโซลบอกเลยว่าโตยาก เพราะพวกแผ่นผีมีกันเกลื่อนเมือง ถึงแม้ผู้เล่นจะกว้างขวาง แต่รายได้มันไม่ได้ไปถึงมือของต้นทางอย่างผู้พัฒนาเลยแม้แต่แดงเดียว นอกจากร้านขายเกมเถื่อนที่กินกันจนอ้วนพุงกางกันเป็นแถบ เพราะความคิดที่อยากเล่นแต่ไม่ลงทุนของเกมเมอร์บ้านเรา

กลับกัน สมัยที่ยุคของเกมออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลในบ้านเรามากขึ้น แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง เพราะไม่ต้องอาศัยการใช้แผ่น หรือต้องลงทุนอะไร ใช้เพียงแค่การเติมเงินเล่นรายเดือน (Air Time) หรือระบบซื้อขายไอเทม (Item Selling) เท่านั้น ที่เหลือเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่จะต้องมีแผนหรือนโยบายในการบริหารจัดการฐานลูกค้ากันเอง จะมีละเมิดกันบ้างก็เรื่องของพวกเซิร์ฟเวอร์เถื่อนที่เกมไหนดังเมื่อไหร่ค่อยเจอกันก็แค่นั้นเอง

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ถ้าจะให้ทำกราฟของธุรกิจเกมบ้านเรา คงจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผ่วบ้างอาจจะมี แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากมายนัก เพราะฐานลูกค้ายังเกาะกันเหนียวแน่น กลืนกินด้วยวัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิด นั่นคือมีคนเลิกก็ต้องมีผู้เล่นใหม่เพิ่ม เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ส่วนเกมเมอร์เองหน้าที่ก็คือเล่น และช่วยเหลือวงการด้วยการอุดหนุน เติมเงิน เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการ เมื่อเขาอยู่ได้เราก็มีเกมเล่น หลายครั้งนะครับที่ผมมักคิดว่าเติมไปทำไม เล่นฟรีก็ยังได้ แต่ลองมองมุมกลับ การเติมเงินของเราเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องถึงกับมากมายขนาดที่ต้องอดมื้อกินมื้อ มันก็คือการช่วยเหลือและกระตุ้นวงการเกมบ้านเราวิธีหนึ่งเหมือนกัน

ทุกวันนี้หลายค่ายจะมีผู้เล่นที่เรียกว่า “แฟนพันธุ์แท้” คือรักในตัวผู้ให้บริการ หรือรักในเกมที่เล่น พวกเขาเหล่านี้แหละครับที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจเกมของค่ายนั้นๆ ซึ่งพักหลังหลายเสียงมักบ่นเสมอว่า ผู้ให้บริการไม่เหลียวแลผู้เล่น การบริการห่วยแตก สนใจแต่ทำเงินมากกว่าสร้างความสัมพันธ์ ก็อย่างที่บอกตั้งแต่ต้น การทำธุรกิจเกมต้องมีรายได้ แต่ถ้าหากทำทั้ง 2 อย่างควบคู่ อันนี้สิครับที่เรียกว่าบริหารเป็น และจะครองใจเกมเมอร์แบบไม่ยาก

อย่างเช่น Asiasoft พี่ผมเคยเขียนไปแล้วว่ากำลังถดถอย ความเป็นเบอร์หนึ่งมันหมดไปแล้ว นั่นเพราะการมาของหลายๆ ค่าย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Garena Thailand ที่ทำให้บรรลังก์ของ Asiasoft สั่นคลอน ถามว่าอะไรที่เป็นปัจจัยของการเปิดศึกในครั้งนี้ ตอบง่ายๆ นั่นคือความต้องการในการยืนอยู่แถวหน้าของวงการ ซึ่งทาง Garena Thailand ถึงแม้ว่าจะมีเงินถุงเงินถังจากนายทุกจากต่างประเทศ ก็ไม่ได้มีความได้เปรียบกว่า Asiasoft มากนัก เพราะถ้าหากจะทำกันจริงๆ เพียงแค่รายได้ของคนไทย ก็สามารถทำรายได้ขนาดพันล้านได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ต่างกันนั่นคือการบริหารคอมมูนิตี้ ที่ตอนนี้ทาง Garena Thailand เขาก็เน้นไปทาง E-Sports ที่คืนกำไรให้กับผู้เล่นด้วยการแจกเงินรางวัลหลักแสน ยอมเสียเม็ดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเรียกแรงผลักดันอันมหาศาล ซึ่งแฝงมาด้วยคอมมูนิตี้ก้อนโตที่เราคาดการณ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งผลที่ออกมาตอนนี้เห็นภาพชัดเจน ไม่ว่า Garena Thailand จะจัดอีเว้นท์อะไรสักอย่าง เชื่อใจได้เลยว่าเกมเมอร์แน่นทุกตารางนิ้ว นั่นเพราะบุญกุศลที่เขายอมลงแรงลงทรัพย์มันย้อนกลับมาให้ผลที่ดีกับตัว Garena Thailand เอง

ส่วนทาง Asiasoft เองก็มีในส่วนที่ Garena Thailand ไม่มีเช่นกัน นั่นคือการมีฐานผู้เล่นเกมแนว MMORPG อยู่ในมือ แน่นอนว่า Garena Thailand กำลังโหยหาในสิ่งนั้น และเป็นสิ่งเดียวที่ยังขาด หากจะให้ดีทาง Asiasoft เองก็ต้องรักษาฐานที่มั่นของตัวเองเอาไว้ นั่นคือการใส่ใจผู้เล่นให้มากขึ้น คืนกำไรสู่เกมเมอร์ให้ได้ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม ซึ่งจุดนี้เองที่ Asiasoft กำลังพลาด เพราะหลายเกมครับที่ขึ้นชื่อว่าจะไปได้สวยในบ้านเรา แต่สุดท้ายเจอพิษสงของปัจจัยหลายๆ อย่าง ทำเอาผู้เล่นถึงกับร้องยี้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาการเปิดที่หลายเกมมักถูกดองไว้ การจัดกิจกรรม หรือการส่งเสริมการเล่นในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการคุกคามจากพวกโปรแกรมช่วยเล่น บอทโปรต่างๆ ที่มักได้ยินเสมอว่า ไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของการปราบปราม ซึ่งจริงๆ อันนี้ก็ต้องเข้าใจนะครับ ว่าคนแก้โปรกับคนทำโปร คนทำมักเร็วกว่าเสมอ

ในขณะเดียวกันตอนนี้มีค่ายเกมหลายๆ ค่ายเปิดตัวขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นค่ายเกมจากต่างชาติเข้ามาลงทุนเอง เปิดเกมเอง ไม่ง้อขายเกมให้ไทยเหมือนแต่ก่อน ซึ่งตรงจุดนี้เองที่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะไว้ใจได้ในเรื่องของการอัพเดทหลายๆ อย่าง แต่จุดอ่อนมีตรงที่จะทำอะไรแต่ละครั้ง จะมีขั้นตอนหลายขั้น เพราะต้องผ่านการตรวจสอบจากยานแม่ที่ต่างประเทศ หากเขาเข้าใจเกมเมอร์ไทยก็จะอนุมัติแบบไม่ยาก แต่หากไม่เห็นดีเห็นงาม หรือไม่เเห็นตรงกับเกมเมอร์ไทยเมื่อไหร่ งานนี้ก็มีโอกาสยวบเอาง่ายๆ ที่เหลือก็แค่หวังพึ่งการตลาด หรือผู้มีสิทธิ์มีเสียงในสาขาที่ไทยเท่านั้นว่าจะโน้มน้าวใจ เกลี้ยกล่อมให้เขาเน้นอะไรบางอย่างที่ถูกใจเกมเมอร์ไทยให้ได้เท่านั้นเอง

หากมองภาพรวมตอนนี้ วงการเกมบ้านเรายังโตได้เรื่อยๆ ขอเพียงแต่ผู้ให้บริการแต่ละค่ายคอยปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยเท่านั้น การยึดถือปฏิบัติแบบเดิมมันก็ดี แต่บางทีมันใช้ไม่ได้ผลในยุคนี้ หลายค่ายเริ่มที่จะปรับเปลี่ยนแนวคิดแบบเดิม เปิดโอกาสแก่คนรุ่นใหม่ กับแนวคิดใหม่ๆ เพื่อหวังที่จะสร้างฐานที่มั่นคง ซึ่งการแข่งขันในเรื่องของธุกิจมันจะส่งผลดีกับผู้รับอย่างเราๆ แต่หากว่า การแข่งขันเป็นไปอย่างไม่ขาวสะอาด มีการเตะตัดขาหรือส่อที่จะจิ้มแทงกันข้างหลังจนเหลือเพียงแค่ใหญ่คับฟ้าแค่รายเดียว เชื่อเถอะว่าวงการนี้ก็จะถึงจุดจบ เพราะไม่มีใครที่จะมากระตุ้นให้คนที่อยู่สูงสุดพัฒนาตัวเองต่อไป สุดท้ายการแข่งขันไม่มี ถึงภาวะถึงจุดอิ่มตัว วันล่มสลายของวงการเกมบ้านเราก็จะมาเยือนเข้าสักวัน

ณ จุดนี้ เป็นช่วงที่วงการเกมบ้านเรากำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างอยู่ในมือเรา เราในที่นี้คือทุกฝ่าย เกมเมอร์ ผู้ให้บริการ ผู้พัฒนา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์เจ้าต่างๆ รวมถึงสื่อทุกแขนง ต่างมีผลต่อการเติบโตทั้งสิ้น หากร่วมมือกัน ทำตามหน้าที่ของเราให้ดี ผมเชื่อว่าวงการนี้ยังอยู่ไปอีกนาน แต่ทุกอย่างก็อย่าเพิ่งประมาทกันไป เพราะความผันผวนทุกอย่างมันมีตัวแปร เราต้องคอยตามดูกันปีต่อปี ซึ่งตรงจุดนี้เราเข้าใจดี นั่งจับเข่าคุย และวิเคราะห์กับทุกปีเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดเกม ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะฐานของคนเล่นเกมกำลังแตกสาขาออกไปยังเกมโมบาย ส่วนเกมออนไลน์ก็ยังคงได้รับความนิยม จะมีก็แต่กระแสของ MMORPG ที่นิ่งอยู่ตัวเดียว ก็หวังว่าปลายปีแบบนี้จะได้กระแสของเกมที่กำลังจะเปิดเข้ามาพยุงเกม MMO ไว้ ในฐานะที่อยู่ในวงการเกมมานาน ผมเองก็แค่อยากเห็นมันเติบโตต่อไป เพราะบอกตามตรงว่า หากวงการนี้ไปไม่รอด ผมคงต้องนั่งขายลูกชิ้นปิ้งตลาดนัดแถวบ้านเป็นแน่

ด้วยความนับถือ