ข้อมูลจำเพาะของเม้าส์
วัสดุและรูปทรงภายนอก
ขนาด: 119 x 75 x 43 มิลลิเมตร
น้ำหนัก: 150 กรัม
จำนวน Feet: 3 แห่ง
รูปร่าง: เม้าส์ทรงกึ่งนูน
มือสำหรับใช้งาน: เหมาะกับคนถนัดขวา
สายเม้าส์: ไนลอนถัก 2.1 เมตร
การประมวลผล
ชนิด Sensor: 4G Laser
ค่า DPI สูงสุด: 8,200 หน่วย
Polling Rate สูงสุด: 1,000 Hz
การปรับ DPI: 100 – 8,200 (เพิ่มลดทีละ 100)
การปรับ Polling Rate: 125/500/1,000 Hz
Battery Life: ประมาณ 20 ชั่วโมง
ปุ่มพิเศษ
จำนวนปุ่ม: 17 ปุ่ม (ไม่รวมคลิกซ้ายและขวา)
เปลี่ยนค่าปุ่ม: ทำงานได้
ตั้งมาโคร: ทำงานได้
แก้ไขเวลาหน่วงระหว่างมาโคร: ทำงานได้
ใช้การคลิกร่วมในมาโคร: ทำงานได้
จำนวนโปรไฟล์ที่ตั้งได้: ไม่จำกัด
Razer Naga Epic Chroma มีสีดำด้าน ฝั่งขวามีฐานรองนิ้วนาง ซึ่งมีแผ่นยางกันลื่นเพิ่มความกระชับอยู่บริเวณนิ้วก้อยด้วย รุ่นนี้เลือกใช้งานได้ทั้งรูปแบบ Wireless หรือแบบมีสาย ซึ่งสามารถเปิดการใช้งาน Wireless ได้จากสวิตช์ด้านใต้เม้าส์ ไม่ว่าใช้งานแบบไหนก็ลากลื่นเป๊ะไม่มีสะดุด เนื่องจากทาง Razer ได้ใช้ตัวเซ็นเซอร์ 4G ที่มีความแม่นยำและตอบสนองเป็นเลิศ
เรื่องสีสันของแสงไฟในซีรี่ยส์ Chroma ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว Naga ตัวนี้มีไฟที่กงล้อและปุ่มทั้ง 12 ทางด้านซ้าย ซึ่งเลือกปรับได้ถึง 16.8 ล้านสีด้วยกัน สามารถกำหนดว่าอยากให้วนสีไปเรื่อยๆ หรือค้างไว้ด้วยความสว่างขนาดไหนก็ได้ นอกจากนี้ยังตั้งการใช้สีระหว่างโหมด Wireless กับ Wired ให้แตกต่างกันได้อีกต่างหาก
ปุ่มของ Naga รุ่นนี้เยอะเป็นพิเศษ แผงด้านซ้ายทั้ง 12 ปุ่มไม่ได้กำหนดตายให้ใช้ได้แค่ 12 คำสั่งต่อ 1 โปรไฟล์เท่านั้น เพราะแต่ละโปรไฟล์แยกย่อยเป็น 8 Keymap ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถตั้งค่าปุ่มที่แตกต่างกันได้ถึง 96 คำสั่งใน 1 โปรไฟล์เลยทีเดียว นอกจากนี้กงล้อยังสามารถดันเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาเพิ่มคำสั่งที่ต้องการได้อีก 2 อย่าง ทำให้ไม่ว่าเล่นเกมอะไรก็ใช้งานครอบคลุมใน 1 โปรไฟล์
การตั้งค่าต่างๆ ทำได้ผ่านซอร์ฟแวร์ Razer Snapse 2.0 รุ่นนี้ปรับแต่งค่าได้มากมายแถมไม่ยุ่งยากด้วย กรณีที่ใช้ Wireless กำหนดได้ว่าอยากให้แสงกระพริบถี่ๆ เมื่อแบตเตอรี่ต่ำกว่ากี่เปอร์เซ็นต์ หรือทิ้งไว้แค่ไหนถึงเข้า Sleep Mode ต้องขอขอบคุณทาง Ascenti Resources Company เป็นอย่างสูงที่นำเม้าส์มาให้ทดสอบด้วยครับ