ช่วงหยุดพักผ่อนประจำสัปดาห์ก็ยังไม่ลืมที่จะติดตามข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันก็เป็นเวลาเดียวกันที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมววงการเกมก็มักจะส่งข่าวสารที่น่าสนใจมาให้เราได้เสพข่าวที่กำลังเป็นที่ครึกโครมกันอย่างไม่ขาดสาย ทั้งเรื่องดีและไม่ดีปะปนกันไป บางทีบอกกันตามตรงว่าอ่านไปแล้วก็ปลง บวกกับความชาชินที่ได้เสพข่าวสารแนวๆ นี้กันอยู่เรื่อย จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานด้านนี้ไปซะแล้ว กับข่าวเกิดคดีความ หรือการต้องโทษของเด็กวัยรุ่น แล้วมักจะบอกเสมอว่า เลียนแบบเกมบ้าง หาเงินไปเล่นเกมบ้าง ซึ่งไอ้ที่มาแบบนี้บอกตามตรงว่าผมประกาศไปเป็นร้อยๆ รอบแล้วว่า ของแบบนี้มันอยู่ที่คนหรือเปล่าครับ
ไอ้ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าเกมบางตัวมันก็มีความรุนแรงและไม่เหมาะกับเด็กบางกลุ่ม ซึ่งการแก้ปัญหาก็มี แต่เป็นในเชิงแนะนำมากกว่าการบังคับใช้ นั่นคือการจัดเรทติ้ง ช่วงอายุให้กับกลุ่มเด็กหรือเยาวชนที่จะเหมาะกับเกมนั้นๆ แต่เชื่อเลยว่า บ้านเราเขาไม่สนใจกันหรอก ลองคิดว่าเป็นเกมน่าเล่นก็เล่นกันหมด อายุอะไรไว้ทีหลัง ทีเหลือก็อยู่ที่เด็กจะแยกแยะ หรือรู้จักเล่นได้มากน้อยขนาดไหนก็แล้วตามแต่สมองของเด็กคนนั้นจะกลั่นกรองออกมาแล้วปฏิบัติตามเท่านั้น
แต่พอเกิดเหตุขึ้นมาใครละรับผิดชอบ ไม่มีหรอกครับคนที่จะมารับผิดชอบตรงส่วนนั้น มีแต่สิ่งที่เราเรียกกันว่า “แพะ” ซึ่งผมหมายถึง “เกม”
ซึ่งเมื่อได้ตัวแพะอย่างเป็นทางการ ที่เหลือก็แค่่ขั้นตอนการป่าวประกาศ ให้สังคนทั่วไปได้รู้ว่าเกมมันแย่ เด็กแย่เพราะเกม แล้วก็สาวกันไปถึงตัวเกมว่ามีเนื้อหาประมาณไหน ซึ่งเจาะลึกเข้าไปในบางครั้งที่ผมทำงานด้านสื่อเกมยังต้องอึ้ง ว่าล้วงกันได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ ล้วงไม่ได้ก็มโนไปเองว่าเกมมันแนวนั้นแนวนี้ เขียนกันให้เวอร์ดูรุนแรงไว้ก่อน ใครจะเสพข่าวแล้วเอาไปด่าต่อไปกระจายต่อ โดยที่ไม่ได้รู้ลึกถึงความเป็นจริงก็เข้าทางสื่อ ที่ต้องการเน้นชูเรื่องของความรุนแรงของเกมเป็นที่ตั้ง ซึ่งสื่อบางรายบอกกันตามตรงเลยว่าไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ทำแบบนี้เรื่อยมาไม่รู้กี่สิบข่าวแล้ว ถูกบ้างผิดบ้างสลับกันไป
ซึ่งล่าสุดเกมที่เป็นข่าวในกรณีที่เด็กลอกเลียนแบบในการกระทำความผิด นั่นเกม League of Legends หรือที่เราเรียกกันว่า LoL ของการีน่าประเทศไทย ซึ่งสื่อบางรายบอกว่าคือเกมแนวเกมต่อสู้ ฆ่ากัน บางรายบอกไปถึงขนาดเป็นการฆ่ากันล้วนๆ โดยถึงขนาดเอามีดปักคอกันเลยทีเดียว ซึ่งจากประโยคที่ผมยกตัวอย่างไป บอกตามตรง ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องเกม หรือไม่รู้จัก LoL ก็จะมองเกม LoL ไปในแง่ลบทันทีจากนำเสนอของสื่อ ซึ่งทั้งที่จริงแล้ว LoL เป็นเกมที่ต้องฆ่าฟันกันก็จริง เพียงแต่ไม่ได้รุ่นแรงถึงขนาด 18+ และยังแฝงด้วยการวางแผนการรบเหมือนกับพวกเกมแนว Real Time Strategy หรือ RTS ซึ่งภายหลังได้ถูกกล่าวขานกันใหม่ว่าเป็นเกมแนว MOBA หรือ Multiplayer Online Battle Arena ซึ่งเกมแนวพวกนี้จะต้องใช้สมองในการวางกลยุทธิ์ ฝึกให้ผู้เล่นใช้สมองในการคิด วางแผน และการฝึกทางด้านการทำงานแบบเป็นทีมหรือที่เราเรียกว่า Team Work นั่นเอง
เครดิตภาพ @Theeraphat Riww Thongsomboon
คนทั่วโลกเขามอง LoL กันแบบนี้
ข้อดีของเกมมี แต่สื่อเลือกที่จะเล่นแต่ข้อเสียของเกม เลือกที่จะให้คนเสพแต่สิ่งไม่ดีเข้าสมอง ส่วนเรื่องดีๆ น้อยรายที่จะเอามาเป็นประเด็น เพราะมักจะคิดกันอยู่เสมอว่า เรื่องเน่าๆ กลิ่นมันดี กระจายได้เร็ว ผิดกับกลิ่มหอมๆ ที่มักไม่ค่อยจะสนใจ ซึ่งย้ำนะครับว่าไม่ใช่ทุกราย บางรายก็พยายามทำในเรื่องดีๆ ให้ผมได้ชื่นใจก็มี แต่ส่วนใหญ่มักจะไปอยู่กับ Thai PBS ซะมากกว่าที่ชอบทำสกู๊ปเกี่ยวกับเกม ที่มักมอง 2 ด้านเสมอ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีสื่อมองเห็นด้านสว่างของเราอยู่ ล่าสุดกับสกู๊ป “ศักยภาพนักกีฬาอีสปอร์ตอาเซียน” ที่เน้นเรื่องราวของวงการแข่งขันกีฬา E-Sports มากกว่าการใช้เกมไปในทางที่ผิด ซึ่งตรงนี้ผมก็ขอขอบคุณแทนวงการเกม ที่อย่างน้อยก็ช่วยสงเสริมไปในทางที่ถูกที่ควร แม้จะเป็นเรื่องยากที่หลายฝ่ายจะยอมรับก็เถอะ
[youtube]http://youtu.be/HPWC3E85JuA[/youtube]
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ก็เพียงแค่ออกมาบอกว่า จริงๆ แล้วในฐานะของสื่อ เรามีสิทธิและเสรีในการนำเสนอข่าวสาร ให้กับผู้เสพได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ ไปอย่างถูกต้อง ซึ่งแม้ตัวผมเองจะเป็นเพียงแค่สื่อเกมเล็กๆ ไม่ใช่มืออาชีพขนาดเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน แต่ก็คิดเอาไว้เสมอว่า เรื่องดีเราเสนอ เรื่องแย่เราต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่ใส่ไข่ใส่สีละเลงเข้าไปจนเละกันทั้งวงการ จริงๆ แล้วคนที่เสพสื่อก็มีสิทธิ์ในการเลือกที่จะเสพข่าวสารที่เราอยากรู้ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเลือกเสพข่าวแบบไหนด้วย ไม่ต่างจากสื่อที่ควรจะเลือกว่าควรเล่นข่าวแบบไหนถึงจะดี หรือแบบไหนที่คนนิยมอ่าน แต่ให้คิดถึงสิ่งที่ตามมาว่าจากการต้องการแค่เรทติ้ง บางทีมันทำให้อีกหลายวงการเขาเดือดร้อนเพราะการนำเสนอแต่เรื่องแย่ๆ และที่สำคัญข้อมูลผิดในแบบทีคนในวงการยังรับกันไม่ได้
ฝากถึงสื่อคงไม่มีผล แค่อยากฝากถึงคนที่เสพข่าว ว่าคิดพิจารณากันเยอะๆ ว่าข่าวไหนควรเสพ ข่าวไหนไม่น่าเสพ ผมเชื่อว่าไม่ยาก ไม่ใช่มองข้ามหรือปิดแผล แต่แค่แสดงของดี แก้ไขของไม่ดี ไม่ใช่ซ้ำเติม สักวันมันจะดีขึ้นมาเอง