[รีวิว] The Last of Us Part II บนเครื่อง PS4 คุ้มค่าราคา ของเค้าสุดจริง

2,035 views
Share

หลังจากที่พาผู้เล่นไปผจญภัยแบบเดินทางข้ามอเมริกาในยุคหลังการระบาดของเชื้อไวรัส ในเกม The Last of Us ภาคแรกไปแล้วตั้งแต่สมัยเครื่อง PS3 ต้องบอกว่ากลายเป็นเกมขึ้นหิ้งในดวงใจของหลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะมีทั้งเนื้อหาที่เข้มข้นบวกกับความกดดันในการเล่น ล่าสุดเรื่องราวที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็กำลังกลับมาสานต่อให้ได้เล่นกันอีกครั้งใน The Last of Us Part II ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 19 มิถุนายน 2020 นี้ แบบ Exclusive บนเครื่อง PS4 แถมพิเศษด้วยการรองรับภาษาไทยทั้งเมนูและซับไตเติ้ลด้วย

สำหรับบทความรีวิวในครั้งนี้จะขอไม่สปอยทั้งเรื่องราวและรายละเอียดการเล่นแบบลึกๆ ให้ทุกคนได้ทราบนะครับ เพราะรู้ดีว่าการสัมผัสกับเกมที่รอคอยมานานด้วยตัวเองนั้นมันสำคัญมากแค่ไหน และอีกอย่างรีวิวนี้ก็ออกมาให้อ่านกันก่อนที่ตัวเกมจะออกวางจำหน่ายอยู่หลายวันเลยทีเดียว

เรื่องราว
The Last of Us Part II เป็นเรื่องราว 5 ปี หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ซึ่งทั้ง Joel และ Ellie ได้ปักหลักอาศัยกันอยู่ที่ฐานในเมือง Jackson, Wyoming และอยู่ร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองที่สงบสุข มั่นคง ส่วนเนื้อเรื่องหลังจากนี้ขอไม่เล่าต่อแล้วนะครับ อยากให้ไปสัมผัสกันเอาเองจะดีกว่า… บอกแค่ว่าในภาคนี้จะพาเราไปผจญภัยในสถานที่ใหม่ซึ่งอยู่ใน Seattle, Washington ที่มีทั้งส่วนที่เป็นเมืองรกร้าง และป่ารกชื้นซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบตามตัวอย่างที่เคยปล่อยมาให้เห็นกัน แต่มีความหลากหลายทางด้านภูมิทัศน์ให้เราได้สำรวจกันแบบที่ต้องตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอด บางฉากค่อนข้างกว้างและต้องใช้เวลาในการสำรวจ

ขอบอกไว้เลยว่าเรื่องราวในภาคนี้จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ Naughty Dog เขียนบทมาได้อย่างดีเยี่ยม มันมีทั้งความรัก ความผูกพันธ์ ความเกลียดชัง หรือความรุนแรงต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเหตุและผล Ellie สาวน้อยในวัย 19 ที่โตขึ้นจะต้องฟันฝ่ามรสุมซึ่งถาโถมเข้าสู่ตัวเธอในระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมาย ซึ่งภาคนี้ทาง Naughty Dog ได้คุณ Halley Gross ที่เป็นมือเขียนบทของซีรี่ย์ทางทีวีเรื่อง Westworld มาร่วมเขียนบทอีกด้วย

กราฟิก
ขอข้ามมาพูดถึงในรายละเอียดของกราฟิกกันบ้าง Naughty Dog ยังคงทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเช่นเคยในเรื่องกราฟิก ความสมจริง และดูเหมือนว่าจะเป็นเกมยุคท้ายเจนของ PS4 ที่งานภาพเจ๋งมากๆ The Last of Us Part II สร้างอารมณ์ร่วมระหว่างเกมกับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การทำโมชั่นเคปเจอร์ของทุกตัวละครที่สมจริงทั้งท่าทางและเรื่องของสีหน้า การแสดงอารมณ์ยันแววตาของตัวละครนั้นๆ หรือจะสภาพแวดล้อมของฉาก สถานที่ทั้งในตัวอาคาร ป่า หรือแม้แต่น้ำก็ยังสมจริงสุดๆ เรื่องของแสงเงาที่ผ่านวัตถุหรือตกกระทบ รวมไปถึงพวกควัน ละออง ฝน ไฟ กับพื้นผิวที่คมชัด ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วพอมารวมทุกองค์ประกอบมันกลายมาเป็นความสมจริงที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญไปกับความกดดัน ความเครียด และความหวาดระแวงงเมื่อเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นๆ แนะนำว่าให้ลองเล่นเกมนี้กับหูฟังดีๆ รับรองว่าเพิ่มอรรถรสได้ดีจริงๆ

เกมเพลย์
เมื่อเริ่มเล่นเกมนี้เราจะพบว่าหลายๆ อย่างนั้นยังคงเดิม ทั้งการบังคับ มุมมองแบบ third-person ความสามารถในการฟังที่ทำให้มองเห็นศัตรูแบบทะลุกำแพงหรือการใช้อาวุธ ซึ่งก็สร้างความคุ้นชินให้กับผู้เล่น แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ตัวเกมจะค่อยๆ แนะนำระบบหรือความสามารถใหม่ให้กับเราได้อย่างเรียบเนียน เช่นการกดปุ่ม L1 เพื่อหลบการโจมตีหรือการกดปุ่มสี่เหลี่ยมในการโจมตีระยะประชิดที่ดูดีขึ้น โดยพบว่าภาคนี้การลอบเร้นนั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก Ellie สามารถที่จะหมอบคลานไปกับพื้น แฝงตัวในพงหญ้า และที่สำคัญเธอสามารถว่ายน้ำได้แล้วรวมถึงการดำน้ำด้วย ซึ่งก็ทำให้ตัวเรามีอิสระในการเคลื่อนที่มากขึ้นนั่นเอง สมกับการเป็นเกม survival horror จริงๆ ส่วนการเจอกับพวกผู้ติดเชื้อในภาคนี้ก็จะมีศัตรูตัวใหม่ให้ได้ดวลกันด้วย

เมื่อตัวละครมีความสามารถมากขึ้น ทางด้านของศัตรูเองก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน AI ศัตรูมีความฉลาดขึ้น สื่อสารกันดีขึ้น มีรูปแบบในการจัดการกับเราที่มากขึ้นด้วย ทั้งการยิงกดดันหรือการกระจายตัวกันโอบล้อม แถมบางฉากยังมีสุนัขดมกลิ่นคอยติดตามตัวเราให้ต้องตื่นตัวและเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจัดการได้ การปาขวดแก้วหรืออิฐยังคงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูได้เป็นอย่างดีในภาคนี้ นั่นหมายความว่าเราจะต้องคิดเร็ว ทำเร็ว ถึงจะสามารถเอาตัวรอดได้

ระบบการพัฒนาตัวละครและอุปกรณ์ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเหลือให้เราได้ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ได้ ผู้เล่นจะต้องเก็บวัตถุดิบเพื่อนำมาอัพเกรดความสามารถของตัวละครที่แบ่งเป็นสายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในการลอบเร้น การสร้างอุปกรณ์ หรือกระสุน เป็นต้น ซึ่งถ้าใครอยากเล่นแบบไหนก็สามารถเน้นไปที่สายนั้นๆ ได้ นอกจากนี้พวกอาวุธปืนเองยังสามารถที่จะเก็บวัตถุดิบสำหรับนำไปอัพเกรดที่โต๊ะคราฟได้เช่นกัน ทั้งเรื่องการเพิ่มความจุกระสุน ความนิ่ง หรือความแรง เป็นต้น ดังนั้นการสำรวจแผนที่ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแบบทุกซอกทุกมุมก็นับเป็นสิ่งจำเป็นในการเล่นภาคนี้

ภาษาไทย
หลังจากประกาศว่าตัวเกมจะรองรับภาษาไทยทั้งเมนูและซับไตเติ้ล หลังจากที่ลองเล่นไปแล้วพบว่าการแปลในเกมนี้ทำได้ดีมาก เหมือนกับกำลังดูภาพยนตร์เลย ทั้งบทพูดการสนทนา รวมไปถึงพวก UI หรือคำอธิบายในส่วนของเอกสารต่างๆ ภายในเกม ส่วนใครที่กลัวว่าซับจะตัวเล็กก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถปรับขยายใหญ่ได้ เปลี่ยนสีหรือใส่พื้นหลังก็ได้ เรียกว่าช่วยให้คนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงสามารถที่จะเข้าถึงเนื้อเรื่องและอินไปกับการเล่นได้มากขึ้นกว่าเดิม ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับเกมเมอร์ไทยเราเลยครับ

สรุป
The Last of Us Part II เป็นเกมที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ทั้งเนื้อหาที่น่าติดตามซึ่งจะทำให้เราผูกพันไปกับทุกตัวละคร กราฟิกในเกมที่สวยงาม เสียงเพลงประกอบที่มีคุณภาพ หรือแม้แต่การรองรับภาษาไทยในระดับที่ดีกว่าทุกเกมที่เคยเห็นมา อีกทั้งเราจะพบกับความท้าทายที่สามารถปรับระดับความยากง่ายในการเล่นเองได้แบบละเอียดยิบ ทั้งนี้ตัวเกมเมื่อเล่นจบแล้วจะมีโหมด Newgame+ ให้ลุยกันต่อ แต่ภาคนี้ไม่มีการใส่โหมด Multiplayer เข้ามา เอาเป็นว่าหลบสปอยกันให้ดีแล้วรอไปสัมผัสด้วยตัวเองกันได้ 19 มิถุนายน 2020 นี้ บนเครื่อง Playstation 4

**ขอบคุณโค้ดรีวิวจากทาง Sony Interactive Entertainment 

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

One Piece Odyssey: Deluxe Edition กำลังเปิดทะเลใน Nintendo Switch
SAND LAND เผยตัวอย่างใหม่ Sandstorm ตัวล่าสุด
SunnySide เตรียมวางจำหน่ายให้เล่น 24 พฤษภาคมนี้บน PC และตามมาด้วยคอนโซลช่วงกรกฎาคม
Slay the Spire II ประกาศลงให้เล่นบน PC ภายในปี 2025
NIKKE แง้มอัปเดตใหญ่ฉลองครบรอบ 1.5 ปี ชวนดูไลฟ์สตรีม 20 เมษานี้! พร้อมอัปเดตนิกเกะคนใหม่ ‘เบย์’ เชียร์ลีดเดอร์สาว ในอีเวนต์ One More Time
ลือ Kingdom Come Deliverance 2 เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้