[Review] Halo Infinite การเดินทางของ Master Chief ที่ยกระดับความอลังการและความมันส์

6,148 views
Share

หลังจากรอคอยกันมายาวนานในที่สุดเราก็ได้เข้าไปลุยใน Halo Infinite กันเรียบร้อยแล้ว โดย Halo เป็นแฟรนไชส์เกมของทางฝั่ง Xbox ที่ออกภาคใหม่มาให้เล่นกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีให้เล่นกันถึง 5 ภาคแล้ว แต่ความพิเศษล่าสุดก็คือทาง Microsoft ส่งเกมนี้มาให้เล่นกันบน PC Steam ด้วย ดังนั้นใครที่ยังไม่เคยเล่นก็สามารถที่จะไปซื้อ Halo: The Master Chief Collection เพื่อมาตามเนื้อเรื่องอันเข้มข้นของเกมนี้ตั้งแต่เริ่มกันได้ ส่วน Halo 5 Guardians มีให้เล่นบน Xbox One สำหรับในวันนี้เราจะมารีวิวรายละเอียดและความรู้สึกหลังได้ลองเล่นเกมของ Halo Infinite ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

Halo Infinite ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ Halo พัฒนาโดยทางสตูดิโอ 343 Industries โดยมีการปล่อยโหมด Multiplayer หรือโหมดการเล่นออนไลน์ของเกมมาให้ทุกคนได้เล่นกันฟรีๆ แต่สำหรับใครที่จะเล่นโหมดเนื้อเรื่อง Single Player ต้องซื้อตัวเกมในเวอร์ชั่นเต็มเท่านั้น

กราฟิกสวยงามอลังการ
ขอเริ่มต้นกันที่เรื่องกราฟิกหรืองานภาพของเกมนี้กันก่อนเลยครับ Halo Infinite กราฟิกโดยรวมแล้วต้องบอกว่าสวยงามและอลังการมากๆ ทั้งในด้านของรายละเอียดความสมจริง แสงเงา พื้นผิวสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะในส่วนของยานอวกาศขนาดใหญ่หรือจะบนดาวที่เต็มไปด้วยภูเขา ต้นไม้ ผืนน้ำ ซึ่งเป็นภาคแรกที่ทางผู้พัฒนามีการปรับตัวเกมให้กลายเป็นเกมแนว Open World ขนาดใหญ่ ดังนั้นฉากและสถานที่ต่างๆ ในเกมเลยดูยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ส่วนพวกโมเดลตัวละครกับศัตรูทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน ส่วนตัวชอบเสียงเพลงประกอบของเกมนี้มาก มันช่วยเพิ่มความฮึกเหิมได้ดีทีเดียว

เนื้อเรื่องอันเข้มข้นที่เข้าใจง่าย
สำหรับเนื้อเรื่องภายในเกมนี้บอกก่อนเลยว่าขอไม่สปอยนะครับ อยากให้ไปลองเล่นกันเอง ซึ่งเรื่องราวนั้นก็ดำเนินต่อมาจากภาคที่แล้วเลย หลังจากที่เอเลี่ยนต่างดาว Atriox สามารถโจมตียาน USNC Infinity ซึ่งเป็นองค์กรของมนุษย์และเอาชนะตัวเอกที่เราบังคับคือ Master Chief ทำให้ตัวเอกนั้นล่องลอยออกไปในอวกาศจนทุกคนคิดว่าไม่น่ารอด แต่แล้วก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Echo 216 จนสามารถกู้สัญญาณชีพกลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง และต้องออกเดินทางเพื่อกอบกู้และเดินหน้าลุยทำภารกิจกับจัดการพวก The Banished กันต่อใน Halo Infinite จริงๆ เรื่องราวในภาคนี้ดูจะเข้าใจง่ายและไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพียงแต่นอกจากคัทซีนในเกมแล้วผู้เล่นจะต้องคอยตามหารายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ จากไฟล์ หรือเอกสารในเกมด้วย

เกมเพลย์ที่เปิดกว้างแบบ Open World
ในส่วนของเกมเพลย์กับ UI ในเกมนั้นจะยังคงคล้ายกับของเดิม คือการทำภารกิจและใช้อาวุธต่อสู้จัดการกับศัตรูตามสไตล์เกม Shooting แต่เมื่อทีมพัฒนามีการเปลี่ยนแปลงตัวเกมให้เป็น Open World เราก็เลยมีอิสระในการเดินทางหรือเลือกที่จะทำภารกิจปลีกย่อยต่างๆ ได้ตลอด มีอะไรให้ทำมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเก็บ Collection การตามหาไฟล์ เก็บพวก Upgrade Point หรือตามหาเนื้อเรื่องเสริมเพื่อทำให้เข้าในเรื่องราวหลัก เป็นต้น โดยมีอุปกรณ์ Grappleshot ซึ่งเป็นของใหม่ที่เหมือนกับปืนยิงลวดไว้สำหรับดึงตัวเราให้เคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ได้ ทำให้สะดวกขึ้น นอกเหนือจากระบบ Fast Travel หรือยานพาหนะต่างๆ ที่มีให้ใช้

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนพบว่าถึงแม้ตัวเกมจะพยายามทำให้เป็น Open World แต่สภาพภูมิประเทศหรือฉากมันออกจะดูซ้ำๆ ไปหน่อย แถมบางจุดก็พาเราต้องเข้าไปอยู่ในยาน อาคารหรือที่แคบๆ อยู่บ่อยครั้ง และบางพื้นที่ดูเหมือนจะถูกล๊อคเอาไว้โดยเราน่าจะต้องผ่านภารกิจเนื้อเรื่องบางอย่างซะก่อน

การต่อสู้ที่เร้าใจและดุเดือดกว่าเดิม
ทางด้านของเกมเพลย์ในการต่อสู้ Master Chief ของเราดูจะมีอาวุธให้ใช้กันแบบหลากหลายขึ้น โดย Grappleshot ที่เอาไว้สำหรับดึงตัวขึ้นที่สูงหรือเคลื่อนที่แล้วมันยังสามารถอัพเกรดสกิลเพิ่มความสามารถได้ พวกระเบิดก็มีหลายชนิดให้ใช้ มีโลห์ไว้สร้างเพื่อกันกระสุนกับมีอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องสแกนด้วย ส่วนพวกศัตรูที่ AI ก็เหมือนจะจัดการได้ยากขึ้น บางตัวก็มาพร้อมเกราะพลังงานป้องกัน บางตัวล่องหนมาแบบที่จัดการยากกว่าภาคเก่าๆ แต่ด้วยตัวเกมมีความเป็น RPG ขึ้นก็เลยมีพวกการเก็บแต้มมาอัพเกรดสกิลความสามารถให้กับตัวละครของเราให้เก่งขึ้นได้เช่นกัน

Multiplayer เล่นฟรีที่สนุกพอตัว
หลายคนคงจะได้ลองเล่น Multiplayer ที่ปล่อยให้เล่นกันฟรีๆ ไปแล้ว โดยตัวเกมจะมีเรื่องระบบ Battle pass กับร้านค้าพวกสกินต่างๆ มาดูดเงินเราแทน ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเกมเพลย์อะไรมาก ส่วนตัวแล้วโหมดการเล่นออนไลน์นี้ก็เป็นสิ่งที่ชอบมากๆ ของ Halo ในภาคนี้ ด้วยเกมเพลย์ที่มันไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป ซึ่งก็เห็นด้วยกับหลายคนที่บอกว่าเกมเพลย์ของมันอยู่ตรงกลางระหว่าง Call of Duty กับ Battlefield มันเหมือนจะยิงง่ายกว่าและไม่ดูวุ่นวายจนรกหน้าจอ ส่วนโหมดการเล่นก็มีให้เล่นกันเพียบไม่ว่าจะเป็น FFA Slayer, Tactical Slayer, Big Team Battle, Fiesta หรือ Ranked Arena เป็นต้น ซึ่งในแต่ละโหมดก็จะมีแยกย่อยออกไปอีกทั้ง Capture the Flag เล่นแบบขโมยธง, Stockpile ขโมย Power Seed กลับมาที่ฐาน หรือจะเป็น Total Control แข่งยึดพื้นที่ เป็นต้น

สรุปโดยรวม
ความรู้สึกหลังจากที่เล่น Halo Infinite ไปแล้วตัวเกมสมกับเป็นแฟรนไชส์ที่อยู่คู่กับชาว Xbox มาอย่างยาวนานจริงๆ เรื่องราวการเดินทางของ Master Chief และหลายๆ อย่างในภาคนี้เหมือนถูกทำมาให้เป็นต้นแบบของการเริ่มต้นใหม่ของ Halo และเป็นแบบอย่างของภาคต่อๆ ไป เกมเพลย์มีความสนุกขึ้น กราฟิกสวยงาม Open World ทำให้เกมดูอลังการขึ้น Gunplay อาจจะยากขึ้นบ้างแต่ก็ท้าทายดี ส่วน Multiplayer บอกเลยว่าเล่นเพลินจนลืมเวลาแน่นอน ใครที่สนใจหรือไม่เคยสัมผัสเกม Halo ก็อย่าลืมไปหาซื้อมาเล่นกันได้ครับ

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Caravan Stories โบกมือลา เตรียมปิดให้บริการบน Switch 13 มิถุนายนนี้
Stellar Blade ปล่อยตัวอย่างใหม่พร้อมเสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่น
One Piece Odyssey: Deluxe Edition กำลังเปิดทะเลใน Nintendo Switch
SAND LAND เผยตัวอย่างใหม่ Sandstorm ตัวล่าสุด
SunnySide เตรียมวางจำหน่ายให้เล่น 24 พฤษภาคมนี้บน PC และตามมาด้วยคอนโซลช่วงกรกฎาคม
Slay the Spire II ประกาศลงให้เล่นบน PC ภายในปี 2025