[Review] Gran Turismo 7 เกมขับรถสุดสมจริงที่คนรักรถไม่ควรพลาด

9,130 views
Share

วางจำหน่ายเรียบร้อยแล้วสำหรับเกมแข่งรถสุดสมจริงที่อยู่คู่ PlayStation มาอย่างช้านานอย่าง Gran Turismo 7 ที่ถือว่าการกลับมาในคราวนี้จัดเต็มทั้งในเรื่องของกราฟิก ประสิทธิภาพ และความน่าเล่นของตัวเกม โดยลงให้เล่นกันทั้งบนเครื่อง PlayStation 5 และ PlayStation 4 ที่สำคัญตัวเกมยังมีการรองรับภาษาไทยด้วย หลังจากที่ได้ลองไปซิ่งมาเรียบร้อยแล้ววันนี้เราจะมารีวิวรายละเอียดของเกมกับความรู้สึกที่ได้เล่นเกมนี้มาให้อ่านกันอีกเช่นเคยครับ

หลายคนที่เป็นสาวกของเกมแนวแข่งรถและอยู่กับ PlayStation มาโดยตลอดจะรู้กันดีว่าซีรีส์ Gran Turismo นั้นคือเกมแข่งรถที่เน้นในเรื่องของความสมจริงมาโดยตลอด ถูกยกให้เป็น Real Driving Simulator มาทุกภาค ซึ่งแตกต่างจากเกมแข่งรถอื่นๆ ที่เน้นการซิ่งเร็วแรงแบบ Action ดุเดือด ดังนั้นด้วยประสิทธิภาพของเครื่อง PS5 ทาง Polyphony Digital จึงใส่ใจมากเป็นพิเศษในการพัฒนาจนได้ Gran Turismo 7 ในเวอร์ชั่นที่พูดได้เต็มปากว่ามันคือเกมจำลองการขับรถที่สมจริงมากที่สุดเกมนึงในตอนนี้และคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ

Gran Turismo 7 ยังคงนำเสนอประสบการณ์การแข่งรถที่สมจริง การขับขี่ที่ต้องคำนึงถึงหลายๆ อย่าง ทั้งการเบรค การเข้าโค้ง ไลน์วิ่งบนถนน หรือสภาพสนาม เป็นเกมที่คนเล่นจะต้องใช้การขับขี่แบบรู้จังหวะในการเหยียบคันเร่งสลับผ่อนคันเร่งหรือเบคเหมือนกับการขับรถจริงๆ ไม่ใช่เกมที่จะให้เหยียบคันเร่งจนมิดแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนจะตัดสินใจซื้อเกมนี้มาเล่นว่ามันคือเกมแข่งรถแบบเน้นการขับจริงๆ

สำหรับรายละเอียดในเรื่องของกราฟิกต้องบอกเลยว่ามันสมจริงและว้าวมากๆ ทั้งในเรื่องของรถเองและสนามแข่งขันที่จำลองมาจากสนามแข่งดังๆ จากทั่วโลกกว่า 91 สนาม ส่วนโมเดลของรถก็จำลองมาเหมือนจริงแบบจัดเต็มมาก ทั้งรายละเอียดด้านนอกของรถ รูปลักษณ์ ไปจนถึงภายในของรถ จนไปถึงพวกชิ้นส่วนอะไหล่ของรถที่เราสามารถซื้อมาปรับจูนแต่งได้ ทั้งนี้รถในช่วงแรกๆ ที่มีมากกว่า 400 คันดูไปแล้วก็เป็นรถที่เคยปรากฎอยู่ในเกมซีรีส์นี้อยู่แล้ว โดยมาจากแบรด์นดังทั่วโลกทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ตั้งแต่รถแรงม้าต่ำไปจนถึงรถหรูสุดพรีเมี่ยม ส่วนใครที่อยากขับ Tesla Model S ก็มีให้ลองด้วยในเกมนี้ อย่างไรก็ตามทางทีมงานจะมีการอัปเดทเพิ่มรถเข้ามาเรื่อยๆ ในอนาคต

ในเกมยังมีการนำเสนอเรื่องของระบบการซื้อขายรถเหมือนกับในชีวิตจริงด้วย โดยจะมีทั้ง Brand Central ซึ่งเป็นโชว์รูมขายรถใหม่, Used Car Dealership ร้านขายรถมือสอง และ Legend Cars โดยจะเป็นร้านขายรถระดับตำนาน ขายพวกรถหายาก ไปจนถึงรถแข่งสุดแรง แต่บอกเลยว่าราคารถในเกมนี้ถือว่าแพงมาก ใครอยากจะซื้อรถหรูๆ ก็ต้องตั้งใจหาเงินกันหน่อย (หรือใช้เงินจริงเติมไปซื้อเครดิตก็ได้เช่นกัน) นอกจากนี้ในเรื่องของการปรับจูนหรือซื้ออะไหล่จากร้านค้าในเกมมาให้เราได้ปรับแต่งแล้ว ยังมีส่วนของบริการต่างๆ ในเกมที่เหมือนของจริงมากทั้งเรื่องการล้างรถเพื่อบำรุงรักษาให้มีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง ไปจนถึงพวกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ดัดแปลงเปลี่ยนสีรถและตกแต่งลวดลายด้วย

การเล่นในเกมนี้จะไม่มีเนื้อเรื่อง แต่ส่วนหลักของเกมนี้ที่เพิ่มมาใหม่ก็คือ GT Café ที่เปรียบเสมือนกับพื้นที่สำหรับให้ผู้เล่นได้เรียนรู้ระบบเกมไปพร้อมๆ กับการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจะมีทั้งการไปแข่งขันให้ติดอันดับ 3 ขึ้นไป, ปลดล๊อคและสะสมรถยนต์เป็นคอลเลคชั่นต่างๆ, ไปสอบใบขับขี่ในระดับต่างๆ โดยมันจะค่อยๆ ยากขึ้นและยังทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติรถยนต์ประเภทต่างๆ ไปด้วยว่ารถผลิตปีอะไร กำลังเครื่องยนต์เท่าไหร่ และรายละเอียดน่าสนใจอีกเพียบ บอกเลยว่าตรงส่วนข้อมูลที่ให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมรถยนต์จากอดีตถึงปัจจุบันนี้เป็นอะไรที่ผู้เขียนชอบมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้เมื่อทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รางวัลเป็นเงินหรือรถยนต์ เป็นต้น

ในเกมยังมีโหมดถ่ายรูปที่เชื่อว่าแฟนๆ และคนรักรถจะต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน ในเกมมีการเลือกสภานที่ในโลกจริงมาให้เราได้จับรถใส่ลงไป ปรับแต่งภาพแบบละเอียดยิบผ่านเมนูต่างๆ ทั้งการเอียงภาพ ปรับเลื่อนมุมมอง ปรับแสง ใส่ฟิลเตอร์ และอีกเพียบเพื่อให้ถ่ายรูปออกมาได้เหมือนกับของจริงอีกด้วย ที่สำคัญยังมีรูปสถานที่ในประเทศไทยให้ใช้งานอีกต่างหาก เช่น อยุธยา นครสวรรค์หรือเชียงราย เป็นต้น ใครมีภาพสวยๆ ก็ไปแชร์ไปอวดกันได้เต็มที่

พวกโหมดการเล่นอื่นนอกจากการทดสอบทำใบขับขี่ก็ยังมี Arcade Mode กับ Multiplayer โดยโหมดการเล่นแบบออนไลน์ของในภาคนี้มีรูปแบบเดียวกับเกม GT Sport ซึ่งจะมีการรองรับรายการแข่งขัน esport ในอนาคต และยังมีโหมดที่อยู่นอกแผนที่โลกอย่าง Music rally ให้เราได้ขับรถไปฟังเพลงไป แต่ก็ต้องขับไปให้ทันถึงจุด Check Point ด้วยเพื่อรับเวลาเพิ่ม และทำให้สามารถขับไปได้จนจบสนามและจบเพลง

พูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพของเกมบน PS5 กันบ้าง อย่างที่บอกว่ากราฟิกของเกมนั้นสุดจัดมากๆ แถมมียังมีระบบการเปลี่ยนสภาพอากาศ และเปลี่ยนช่วงเวลาท้องฟ้าแบบไดนามิกด้วย ซึ่งแน่นอนการรันบนเครื่อง PS5 ก็ยังให้เราได้เฟรมเรตที่นิ่งแบบเล่นลื่นไหล ที่ความละเอียด 4K 60 FPS หรือใครอยากจะเล่นแบบภาพสวยสดงดงามยิ่งกว่าก็มีให้เลือกกราฟิกแบบ เน้น Ray Tracing ได้เช่นกัน เพียงแต่เฟรมเรตจะลดลงมาเหลือ 30 FPS ส่วนระบบ Haptic Feedback กับ Adaptive Triggers ก็ทำให้ช่วยเพิ่มประสบการณ์การแบบใหม่ในการเล่นเกมแข่งรถได้สมจริงขึ้น ทั้งเรื่องของน้ำหนักในการกดปุ่มเพื่อเหยียบคันเร่ง การกดเบรค หรือการสั่นในช่วงรถเข้าโค้งกับเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

สรุปแล้ว Gran Turismo 7 ยังคงเป็นเกมขับรถสมจริงที่น่าเล่นมาก แม้มันจะคล้ายกับ GT Sport อยู่บ้างแต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์กับการเล่นในแบบอื่นๆ ที่ตัวเกมขาดหายไปมารวมอยู่ในเกมนี้ การรองรับภาษาไทยก็ทำให้เราได้ทราบข้อมูลประวัติรถและรายละเอียดอื่นๆ ที่น่าสนใจ แถมแปลได้ดีเลยทีเดียว สำหรับข้อเสียของเกมนี้ถ้าจะให้พูดถึงจริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ตัวเกมบังคับต้องเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการโกง มีเพียงแค่ Arcade Mode เท่านั้นที่สามารถเล่นออฟไลน์ได้ แต่เชื่อได้เลยว่าคนที่อินเตอร์เน็ตไม่ดีหรือมีปัญหาบ่อยๆ จะต้องเซ็งกับการเด้งหลุดออกจากเกมอยู่พอสมควร

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

HIT : The World เกมสไตล์ MMORPG ฟอร์มยักษ์จากแดนกิมจิเปิดให้เล่นในญี่ปุ่น
Ragnarok Landverse ต้อนรับนักผจญภัยหน้าใหม่ ด้วย Seasonal Prontera ของแจกแน่น พร้อมกิจกรรมมากมาย
Stellar Blade x BIBI ปล่อยมิวสิควิดิโอเพลง Eve
ONE PIECE ODYSSEY ปล่อยตัวอย่างใหม่เวอร์ชั่น Nintendo Switch พร้อมโบนัสสั่งซื้อล่วงหน้า
Assault Lily Last Bullet W เปิดลงทะเบียนบนสโตร์ไทยก่อนเปิดให้บริการเต็มตัวเร็วๆ นี้
กิจกรรมของ WePlay App ในหัวข้อ WePlay ปาร์ตี้เทศกาลสงกรานต์ ได้รับการโปรโมทบน Apple Store