[Review] The Last of Us Part I การรีเมคกลับมาอีกครั้งในแบบฉบับที่ขัดเกลามาเป็นอย่างดีเพื่อ PS5

4,408 views
Share

หลังจากที่ออกมาสร้างกระแสและคว้ารางวัลไปกอดเต็มตู้ เกม The Last of Us ผลจากทางผู้พัฒนา Naughty Dog ก็กลายเป็นหนึ่งแฟรนไชส์ขึ้นหึ้งที่สาวก PlayStation ทุกคนต้องเล่น จากภาคแรกในปี 2013 จนถึงภาคสองในปี 2020 ความเข้มข้นของตัวเกมก็กลายเป็นสิ่งที่หลายคนพูดถึง และแน่นอนว่า The Last of Us Part II ประสบความสำเร็จอย่างมากจนสามารถคว้ารางวัลเกมยอดเยี่ยมจากงาน The Game Awards ในปี 2020 ไปครองได้สำเร็จ

ล่าสุดในปี 2022 นี้ ทางทีมพัฒนาก็เลยออกมาเดินหน้า Remake เกมภาคแรกอีกครั้งเพื่อให้แฟนๆ ได้เล่นตัวเกมที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งผ่านการขัดเกลามาอย่างดีและใช้ชื่อว่า The Last of Us Part I เพื่อให้คนที่ยังไม่เคยได้เล่นภาคแรกได้หันมาลิ้มลอง โดยลงให้เล่นกันบนเครื่อง PS5 และในอนาคตจะลงให้กับ PC ด้วย The Last of Us Part I ถูกตั้งคำถามจากแฟนๆ ตั้งแต่ประกาศเปิดตัวออกมาว่านอกจากภาพกับโมเดลที่ดูดีขึ้นและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเมื่อเล่นกับเครื่อง PS5 แล้ว องค์ประกอบอย่างอื่นมันจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่เพราะตัวเกมในภาคนี้ขายราคาเต็มที่แพงขึ้นกว่าสมัยที่ตัวเกมถูกหยิบมา Remaster อยู่พอสมควร วันนี้เราจะมารีวิวรายละเอียดของตัวเกมกับความรู้สึกหลังจากที่ได้เล่นไปจนจบอีกครั้งให้ได้อ่านกันครับ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า The Last of Us Part I ในส่วนของเนื้อเรื่องไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเวอร์ชั่นออริจินอล ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้มีการพ่วงเนื้อเรื่องเสริมที่เคยเป็น DLC อย่าง The Last of Us : Left Behind มาให้เราได้เล่นกันเลยแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม ซึ่งแนะนำว่าให้เล่นเนื้อเรื่องหลักให้จบก่อนแล้วค่อยมาเล่น Left Behind จะทำให้ได้รู้จักกับตัวละคร Ellie กันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง

หลังจากที่ได้เข้าเล่นเกม สิ่งแรกที่ประทับใจมากก็คือเรื่องของกราฟิกที่อยู่ตรงหน้า แน่นอนว่างานภาพทั้งหมดถูกยกระดับขึ้นเพื่อให้ใกล้เคียงกับ The Last of Us Part II มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโมเดลตัวละครที่สมจริงขึ้น รายละเอียดเทกเจอร์ แสงเงา Effect ทั้งหลายดูดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของโมชั่นเคปเจอร์ที่สามารถแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าและแววตาได้แบบเหมือนจริงมาก มันเลยทำให้ฉากเปิดของเกมดูสะเทือนอารมณ์ ยิ่งตอกย้ำทิ่มแทงความรู้สึกในการเล่นให้เราได้อินมากขึ้นไปอีกทั้งๆ ที่เป็นฉากเดิมอันเดียวกับที่เราได้เห็นมาเมื่อ 9 ปีที่แล้ว

รายละเอียดฉากไม่ว่าจะในโลกที่ล่มสลายก็แสดงพวกเศษซากของอาคาร รถที่ถูกทิ้งร้าง บ้านเรือนที่พังทลายได้แบบสมจริงขึ้น ยิ่งพวกแสงหรือภาพที่สะท้อนไปบนน้ำมันทำให้ทุกอย่างดูอลังการและน่าเล่นขึ้นมาก ในขณะเดียวกันฉากที่มืดๆ ในตัวอาคารใต้ดินหรือถิ่นของพวก Clickers ที่เต็มไปด้วยสปอร์พิษพอมันสมจริงขึ้นก็ยิ่งเสริมบรรยากาศในการเล่นได้อย่างน่ากลัวเลยทีเดียว ทั้งนี้ในเกมจะมีให้เราเลือกปรับโหมดของภาพได้ว่าจะเลือกแบบเน้นประสิทธิภาพ 4K หรือ 1440p แบบ 60fps หรือจะปรับแบบความแม่นยำ 4k, 40hz แบบ 40fps นอกจากนี้ส่วนที่ทำให้เกมนี้น่าสนใจขึ้นไปอีกก็คือการรองรับซับไตเติลภาษาไทยซึ่งจะทำให้เราได้เล่นเกมนี้กันอย่างรู้เรื่องขึ้นและอินไปกับตัวเกม ไม่ว่าจะในส่วนของเมนู เอกสาร เกมเพลย์ ฉากคัทซีน เป็นต้น โดยสามารถปรับขนาดตัวอักษรได้ และทั้งหมดมีการแปลมาได้แบบคุณภาพสุดๆ ไปเลย

เมื่อตัวเกมถูกพัฒนาเพื่อ PS5 บรรดาฟีเจอร์ต่างๆ จึงจัดมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการโหลดที่รวดเร็ว หรือฟีเจอร์ของจย DualSense ไม่ว่าจะการสั่นที่สมจริงและ Adaptive Triggers การหน่วงของการกดปุ่มที่จะมีน้ำหนักแตกต่างไปแล้วแต่อาวุธที่ใช้ การง้างยิงธนูที่รู้สึกถึงความหนืด ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมในต้นฉบับนั้นไม่มี และมันทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้นจริงๆ

เกมยังใส่พวกตัวช่วยมาให้มากมายซึ่งอยู่ในเมนูปรับแต่ง ซึ่งหลายอย่างนั้นเหมือนกับที่อยู่ในภาคสอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการช่วยเล็ง การปรับลดระดับความยากของศัตรู การหาทรัพยากรได้ง่ายขึ้น ลดการส่ายของอาวุธ หรือการกดเพิ่มระยะฟังเพื่อสแกนพื้นที่ และอื่นๆ อีกมากมาย ไปจนถึงตัวช่วยสำหรับผู้พิการทางเสียงและสายตา นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มโหมดระดับความยากที่แฟนๆ เรียกร้องเข้ามาด้วยคือ การตายถาวร ที่สามารถเลือกได้ 3 ระดับ และยังมีโหมด Speedrun ให้กับคนที่ชอบความท้าทายและต้องการเล่นแบบเร็วๆ ซึ่งในเกมจะมีการแทร็กเวลาเอาไว้เก็บสถิติด้วย

สรุปโดยรวมแล้ว ผู้เขียนประทับใจมาก เพราะ The Last of Us Part I มีการเปลี่ยนแปลงไปจากตัวเกมต้นฉบับเยอะมากในรายละเอียดปลีกย่อย ไม่ว่าจะเรื่องงานภาพกราฟิกที่สมจริง การทำโมเดลใหม่ซึ่งช่วยให้หลายๆ ฉากในเกมนี้ดูเข้าถึงอารมณ์ขึ้น ฉากเดิมที่เราเคยเล่นมาก่อนแต่พอมาเล่นในเวอร์ชั่นของ PS5 แล้ว มันทำให้ดูมิติและองค์ประกอบที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พวกเสียงหรือบรรยากาศในเกมก็มีการปรับใหม่ให้ดูน่ากลัวสร้างความหลอนได้มากขึ้นเช่นกัน พวก Ai ก็ดูฉลาดขึ้นมีการโอบล้อมหรือเข้าโจมตีเราที่หลากหลายขึ้น ใครที่ยังไม่เคยเล่นก็ถือว่าเป็นโอกาสเหมาะแล้วที่จะได้สัมผัสกับ The Last of Us ในแบบสมบูรณ์ที่มันควรจะเป็น จากเรื่องราวและเกมเพลย์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ถูกขัดเกลาใหม่อย่างดีจนกลายเป็นเกมที่แฟนๆ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง อย่าลืมว่าในเกมมีการรองรับภาษาไทยแบบเต็มรูปแบบด้วยจึงคิดว่าคุ้มค่าแล้วล่ะครับสำหรับเงินที่จะอุดหนุนและเป็นกำลังใจให้กับทีมพัฒนา

สนับสนุนโค้ดเกมเพื่อรีวิวโดย Sony Interactive Entertainment (SIE)

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

TSX by Astronize เปิด OBT แล้ววันนี้ แจกหนัก 2,000 TSX TOKEN พร้อมกิจกรรมจัดเต็มเพียบ!
Crime Boss Rockay City ขอบคุณแฟนๆ อัปเดตใหญ่ฉลองยอดผู้เล่นเพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัว
Cat Quest III ยืนยันเตรียมวางจำหน่าย 8 สิงหาคม 2024
SOWON: The Toy Wonderland เกมปริศนาผจญภัยเปิดตัว 2 พฤษภาคม
1000xRESIST เกมแนวผจญภัยแบบไฮเปอร์เปิดตัววันที่ 9 พฤษภาคม
Solo Leveling: ARISE ต้อนรับฮันเตอร์ใหม่คนแรก ในอัปเดต Early Access ใหม่ !