Poke Elf วิธีการหลอมร่างที่เร็วที่สุดของสัตว์มังกรแต่ละธาตุ

1,536 views

ใครที่เล่นเกม Poke Elf อยู่ คงอยากจะได้มอนสเตอร์เจ๋งๆ กันแล้วใช่ไหมล่ะ สำหรับครั้งนี้เรามาแนะนำการร่วมร่างของมอนสเตอร์ให้ได้ทราบกันค่ะ ใครอยากผสมร่างมอนสเตอร์ตัวไหนก้ไปดุกันได้เลยค่ะ

ธาตุไม้มีวิธีหลอมร่าง 3 แบบ

วิธีที่หนึ่ง พัฒนาร่างสัตว์ให้ได้ตัว “กบ” แล้วค่อยเอาไปหลอมอีกครั้งจนได้ “แมงป่องม่วง” ซึ่ง “แมงป่องม่วง” สามารถพัฒนาร่างได้เป็น “งูจอมเขมือบ” จากนั้นก็หลอมอีกครั้งจนเป็น “พญานาคมังกร”  หลอม “พญานาคมังกร” อีกครั้งก็จะเป็น “อสูรมังกรเขียว”  “อสูรมังกรเขียว” จะพัฒนาร่างได้เป็น “มังกรน้ำลึก”  “มังกรน้ำลึก” อีกครั้ง ก็จะได้เป็นมังกร
ข้อดี เหมาะสำหรับคนมือใหม่ การเติบโตของมังกรก็ถือว่าไม่ต่ำมาก
ข้อเสีย หลายขั้นตอน ยุ่งยาก

วิธีที่สอง พัฒนาร่างสัตว์ให้ได้ “กบพ่อเฒ่า” ใช้ “สปริง” พัฒนาร่าง “กบพ่อเฒ่า” ได้เป็น “งูสปริง” พัฒนาร่าง “งูสปริง” ให้ได้เป็น “พญานาคมังกร” และทำตามขั้นตอนดังในวิธีที่หนึ่ง ก็จะได้ตัวมังกรออกมา
ข้อดี ง่าย ได้สัตว์มังกรเร็ว
ข้อเสีย ค่าเติบโตของมังกรอาจไม่สูงเหมือนกันหมด แถมราคาสปริงก็ยังแพงอีกด้วย

วิธีที่สาม เลือก “คางคกทมิฬ” ไว้ที่ฝั่งพัฒนาร่าง A และเลือก “หนูน้อย” ไว้ที่ฝั่งพัฒนาร่าง B หลอม “หนูน้อย” จะได้เป็น “มารฝัน”  “มารฝัน” + “ยุงดูดเลือด” ก็จะได้เป็นมังกร
ข้อดี มังกรที่ได้มีค่าเติบโตสูง แถมขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก
ข้อเสีย วัตถุดิบไอศกรีมกับครีมกันแดด หาค่อนข้างยาก

ธาตุทอง  ธาตุทองเป็นธาตุที่รู้กันว่า หลอมมังกรได้รวดเร็วที่สุด

พัฒนาร่าง B “สไลม์แสงทอง”  แล้วค่อยพัฒนาร่าง A  ให้เป็น “ยูนิคอร์น”  หลอมยูนิคอร์นอีกสักครั้งสองครั้ง ก็จะได้เป็นมังกร
ข้อดี ง่าย รวดเร็ว ใช้วัตถุดิบธรรมดา เหมาะสำหรับมือใหม่มาก ๆ
ข้อเสีย ค่าเติบโตที่ได้ต่ำกว่าวิธีการหลอมแบบที่สอง ของธาตุไม้

ธาตุไฟ มีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ

วิธีที่หนึ่ง พัฒนาร่างให้ได้ยุงดูดเลือด และหลอมให้เป็น “วิหคแดง”  ซึ่ง “วิหคแดง” สามารถพัฒนาร่างได้เป็น “ค้างคาวเพลิง”  หลอม “ค้างคาวเพลิง” หนึ่งครั้ง ก็จะเป็น “วานรไฟ”  หลอม “วานรไฟ” จะได้เป็น “จิ้งจอกโมโม่” หรือ “จิ้งจอก9หาง” หรือ “จิ้งจอก6หาง” หรือ “จิ้งจอก3หาง”  พัฒนาร่างให้เป็น “จิ้งจอก9หาง” ก็พอ  เมื่อนำไปหลอมอีกครั้ง จะได้เป็น “มังกรไฟ”
ข้อดี ค่าเติบโตที่ได้ค่อนข้างสูง
ข้อเสีย ขั้นตอนยุ่งยาก วัตถุดิบหายากเป็นพิเศษ

วิธีที่สอง พัฒนาร่าง B “อสูรเพลิง” ให้เป็น “ไข่มังกรไฟ”  พัฒนาร่าง “ไข่มังกรไฟ” อีกครั้ง ก็จะได้เป็น “แมวป่าลิงช์”  หลอม “แมวป่าลิงช์” ก็จะได้เป็น “วิหคกรงเล็บแดง” และพัฒนาร่างให้เป็น “ค้างคาว” จากนั้นทำตามขั้นตอนข้างต้น

ธาตุน้ำ มี 2 วิธี คือ

วิธีที่หนึ่ง พัฒนาร่าง A เป็น “ธิดาวารีน้ำ” หลอม “ธิดาวารีน้ำ” หนึ่งครั้งให้เป็น “ผีเสื้อหิมะ” หรือ “เต่า” หลอมอีกหนึ่งครั้ง หรือสองครั้ง ก็จะได้เป็น “อลิซ”  จากนั้นหลอม “อลิซ” ให้เป็น “แมว” หรือ “สไลม์ทูตสวรรค์”  หากเป็น “แมว” ให้หลอมอีกครั้ง ก็จะได้เป็น “เอพริล”  หลอม “เอพริล” อีกครั้ง ก็จะได้ “มังกรน้ำ”
ข้อดี วัตถุดิบหาง่าย ค่าเติบโตสูง
ข้อเสีย ขั้นตอนยุ่งยาก

วิธีที่สอง หลังได้ตัว “ธิดาวารีฟ้า” แล้ว ให้ใช้การพัฒนาร่าง B ทำให้กลายเป็น “หุ่นจักรกลน้ำ” แล้วพัฒนาร่าง A เป็น “สัตว์ประเภทน้ำแข็ง” จากนั้นพัฒนาร่าง B อีกครั้งให้เป็น “สไลม์ทูตสวรรค์” และทำตามขั้นตอนดังข้างต้น
ข้อดี ขั้นตอนง่าย ได้ค่าเติบโตสูง
ข้อเสีย หาวัตถุดิบค่อนข้างยากยาก มือใหม่อาจทำไม่ได้

ธาตุดิน  มี 2 วิธีเช่นกัน

วิธีแรก พัฒนาร่าง “มนุษย์หิน” หลอมให้เป็น “หมาป่าจงซาน” หลอมหมาป่าให้เป็น “กระต่ายจันทร์”   จากนั้นพัฒนาร่าง “กระต่ายจันทร์” ให้เป็น “กระต่ายผ่านศึก”  หลอม “กระต่ายผ่านศึก” ให้เป็น “มายา” หรือ “มังกรเหลือง”  หากยังไม่ใช่ ก็ให้หลอมต่อไป

วิธีที่สอง ขณะพัฒนาร่าง “ราชาสไลม์ดิน”ให้เป็น “สไลม์กระต่าย” แล้วนำตัว “สไลม์กระต่าย” มาพัฒนาร่าง A ให้เป็น “ราชาสไลม์กระต่าย”  “ราชาสไลม์กระต่าย” + “อะไรก็ได้” – “กระต่ายจันทร์/กระต่ายผ่านศึก” แล้วทำตามขั้นตอนข้างต้น

ที่มา : www.pe.in.th