Firefox add-on สวมรอยผู้ใช้ Facebook

1,465 views

     โปรแกรมเสริมการทำงาน (aad-on) ที่แจกฟรีสำหรับ Firefox ตัวหนึ่งชื่อว่า Firesheep สามารถเข้าถึง Social Network และเว็บไซต์ต่างๆ ของผู้ใช้คนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องขโมยรายละเอียด (username และ password) ที่ใช้ในการล็อกอินแต่อย่างใด โปรแกรมเสริมดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถทำตัวเป็นแฮคเกอร์ได้ เหยื่อทีมีความเสี่ยงมากที่สุดได้แก่ผู้ใช้

     Eric Butler ผู้สร้าง add-on ชื่อว่า Firexheep ที่ทำงานร่วมกับ Firefox เวอร์ชันบน Windows และ Mac OS X หวังว่า สิ่งที่เขาพัฒนาขึ้นมานี้จะทำให้ Facebook และเว็บไซต์อื่นๆ จะได้แก้ไขระบบรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้น ซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยในงานประชุมแฮคเกอร์ Toorcon ที่จัดขึ้นในซานดิเอโกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Butler อธิบายว่า Firesheep จะใช้ข้อได้เปรียบของเทคนิค “sidejacking” ในการเข้าถึงช่องโหว่ของการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยบนเว็บไซต์

     เมื่อผู้ใช้ล็อกอินเข้าไปในเว็บไซต์ที่มีระบบรักษาความปลอดภัย พวกเขาจะถูกร้องขอให้พิมพ์ username และ password จากนั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจสอบว่า บัญชีผู้ใช้ตรงกับ username ที่มีอยู่บนเซิร์ฟเวอร์หรือไม่ หากพบว่ามีก็จะตรวจสอบพาสเวิร์ดว่าตรงกันหรือเปล่า ซึ่งหากคำตอบทั้งสองอันคือ yes เซิร์ฟเวอร์จะส่ง “cookie” กลับไปยังคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ซึ่งบราวเซอร์จะใช้ข้อมูลที่ระบุตัวตนที่เป็นหนึ่งเดียวนี้ในการร้องขอข้อมูลทุกอย่างจากเซิร์ฟเวอร์ด้วย Sectionที่เกิดขึ้น

     ปัญหาที่ Butler ได้ชี้ให้เห็นก็คือ แม้ข้อมูล password และ login จะปลอดภัยเนื่องจากมีการเข้ารหัสขณะส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ แต่ cookies ที่ส่งกลับมาให้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้กลับไม่ได้มีการป้องกันใดๆ ดังนั้น หากแฮคเกอร์สามารถดักจับ “cookie” นั้นได้ เขาก็จะสามารถทำทุกอย่างได้เช่นเดียวกับยูสเซอร์คนนั้น ตราบใดที่เขายังไม่ได้ log-out ออกจากระบบ และหากผู้ใช้ล็อกออนผ่านเครือข่ายไร้สายที่เปิดให้บริการสาธารณะ “cookie” ที่ว่านี้ก็จะกระจายอยู่ในอากาศ ซึ่งทำให้การโจมตีด้วยวิธีดังกล่าวทำได้ง่ายขึ้นไปอีก

     เมื่อแฮคเกอร์ติดตั้ง Firesheep บน Firefox มันจะมีบาร์ด้านข้างโผล่ขึ้นมาในบราวเซอร์ สิ่งที่แฮคเกอร์ต้องทำก็คือ เชื่อต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi สาธารณะ และคลิกปุ่ม “Start Capturing” เพื่อเก็บเกี่ยว cookies ของผู้ใช้แถวนั้น และสวมรอยการใช้งานได้ทันที Butler ออกเครื่องมือนี้มา เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาพบช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยที่อันตรายมากๆ และหวังว่า เว็บไซต์ต่างๆ จะได้แก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะการเข้ารหัส SSL กับบราวเซอร์แบบ end-to-end

     “Facebook มีการพัฒนาคุณสมบัติสำหรับการรักษาความเป็นส่วนตัว (privacy) ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ตลอดเวลา เพื่อปลอบใจผู้ใช้ที่รู้สึกไม่แฮปปี้” Butler โพสต์ไว้ในบล็อก “แต่มันไม่ได้มีประโยชน์อันใดเลย ในเมื่อใคร(ที่ใช้ Firesheep หรือใช้ช่องโหว่ดังกล่าว) ก็สามารถแทนที่บัญชีผู้ใช้ได้เต็มๆ”

     รายงานข่าวล่าสุด ภายใน 24 ชม. มีการดาวน์โหลด Firesheep ปลั๊กอิน”มหาภัย”ไปแล้ว 104,000 ครั้ง โดยคาดว่า น่าจะมาจากแฮคเกอร์ตัวจริง และผู้ใช้ที่อยากทดลองว่า มันทำได้จริง หรือไม่? งานนี้เจ้าตัวผู้พัฒนา เลยทำคลิปสาธิตการทำงานให้เห็นกันจะๆ ไปเลย

Credit : net-security.org