ใครว่าไอโอดีน กินเพื่อป้องกันสารกัมมันตรังสีได้?

1,706 views

กลายเป็น After Shock อีกหนึ่งเรื่อง หลังจากที่มีข่าวว่าโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ประเทศญี่ปุ่นระเบิด จนอาจเกิดมีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่อาจส่งผลร้ายให้แก่ประชาชนคนเดินดินบริเวณรอบ แน่นอนค่ะว่าการได้รับสารกัมมันตรังสีปริมาณมากนั้น มีผลเสียเกิดขึ้นต่อร่างกายแน่นอน ซึ่งหลายคนต่างก็หวั่นวิตก ว่ามันจะแพร่มายังประเทศไทย จนได้มีการส่งข้อความบอกต่อๆกันผ่านทาง Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Twitter ถึงวิธีแก้ไข ด้วยการให้หาไอโอดีนเม็ดมารับประทาน จนตอนนี้เริ่มมีหลายคนที่เริ่มจะถามหาเจ้ายาเม็ดไอโอดีนเพื่อมารับประทานป้องกัน จนเป็นกระแสและข้อถกเถียงในขณะนี้

ซึ่งหลังจากที่เมื่อเช้าได้มีโอกาสฟังข่าวในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ได้โทรศัพท์สอบถามแพทย์ผู้เชียวชาญถึงเหตุการครั้งนี้ บวกกับการหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เลยอยากจะนำความรู้และเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากเพื่อนๆกันค่ะ

จากที่มีข่าวออกมาว่าสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมานั้นมีสาร I-131  ที่เมื่อใครได้รับเข้าไปจำนวนมากจะทำให้หยุดการทำงานของต่อมไทยรอยด์ จนอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ โดยไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องนำไปใช้ โดยเก็บไว้ที่ต่อมไทรอยด์ทำให้การกินไอโอดีนก็เพื่อไปแย่งจับกับ receptor ที่ไทรอยด์ ก่อนที่จะโดน I-131 แย่งจับ นั่นเองค่ะ ซึ่งทางญี่ปุ่นเขามีการแจกยาเม็ดไอโอดีนในแก่ประชาชนที่เสี่ยงต่อการได้รับสารกัมมันตรังสี ทำให้บางคนที่รับข่าวสารไปเลยคิดและเข้าใจว่ากินแล้วมันจะป้องกันได้ จนมีการแพร่ข่าวไปทั่วโลกออนไลน์ จากกระแสนนี้ทำให้เว็บไซต์การประมูลอีเบย์ มีการประมูลซื้อยาเม็ดโปแตสเซียม ไอโอดีน ในราคาซองละ 540 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,200 บาท)กันเลยทีเดียว

งานนี้องค์การอนามัยโลกจึงต้องออกมาเตือนประชาชนว่าอย่าตื่นตระหนกแล้วซื้อยาไอโอดีนมารับประทานเองเพราะยาเม็ดไอโอดีนไม่ใช่ยาแก้พิษรังสี อีกทั้งไม่อาจป้องกันสารกัมมันตรังสี เช่น ซีเซียมได้  บางคนที่รับประทานยาดังกล่าวจำนวนมากก็อาจจะเกิดอันตรายและโรคต่างๆ ตามมาได้เช่นกัน ซึ่งการที่จะรับประทานยาชนิดนี้ไม่ควรซื้อมาทานเองแต่ควรปรึกษาเพทย์ก่อนเสมอ

ฉะนั้นตอนนี้ใครที่กำลังคิดว่าจะซื้อไอโอดีนมาทานเองแล้วล่ะก็ ให้หยุดคิดซักนิด ว่าควรกินหรือไม่ เพราะถ้าเรารับประทานไปผิดขนาด ผิดวิธีก็จะเกิดผลกระทบกับร่างกายได้

อย่างไรการป้องกันไว้ก่อนมันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาค้นหาข้อมูลพอสมควร อย่าเชื่อเพียงแค่บอกๆกันมาแล้วปฏิบัติตามเลยนะคะ อย่างไรค่อยติดตามข่าวสารและปรึกษากับผู้ที่เชียวชาญให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องก่อนที่จะนำมารับประมานดีกว่าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก: pantip.com,dailynews.co.th