[Review] Avatar: Frontiers of Pandora ท่องโลกอันสวยงามไปกับวิถีแห่งชาวนาวี
Avatar: Frontiers of Pandora จาก Ubisoft เรียกว่าเป็นเกมที่หยิบเอาเรื่องราวของภาพยนต์ Avatar ของผู้กำกับ James Cameron มาพัฒนาในเวอร์ชั่นของเกมได้สวยงาม อลังการ และน่าเล่นที่สุดแล้ว ซึ่งตอนนี้ตัวเกมก็ออกมาวางจำหน่ายเรียบร้อยทั้งบน PC และบนคอนโซล ทางเราเองได้เข้าไปสัมผัสและเล่นเกมนี้มาแล้วก็เลยจะยกมารีวิวและพูดถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เล่นมาให้อ่านกันเหมือนเคย
อย่างแรกเลยที่ต้องยกมาพูดถึงกันก่อนก็คือเรื่องของกราฟิก Avatar: Frontiers of Pandora นั้นพัฒนาโดย Massive Entertainment และจัดจำหน่ายโดย Ubisoft ซึ่งตัวเกมเลือกใช้เอนจิ้นตัวเก่งของค่ายอย่าง Snowdrop มาจำลองโลกของ Avatar หรือ Pandora ได้แบบสวยงามตระการตาสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสงเงา เทกเจอร์ หรือบรรยากาศของสภาพภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม ถ้าใครเคยดูภาพยนต์มาก่อนจะต้องตื่นตาตื่นใจกับพืชพันธุ์ที่มีสีสันและความแปลกตา ซึ่งในเกมนี้ก็ให้บรรยากาศแบบเดียวกันเลย บางจุดวิวสวยงามจนต้องหยุดเล่นและซึมซับกับภาพที่อยู่ตรงหน้ากันเลยทีเดียว โดยเฉพาะป่าบางแห่งในตอนกลางคืนนี่เรืองแสงซะจนแสบตาก็มี แถมแผนที่ก็กว้างมากกกกกกก และแน่นอนว่าตัวเกมให้ Photo Mode มาด้วยสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพในเกม
พืชพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ในเกมนั้นยังสามารถทำปฏิสัมพันธ์กับตัวผู้เล่นด้วย เช่น ดอกไม้บางต้นที่วิ่งไปโดนแล้วจะหุบ บางต้นก็เรืองแสง บางอย่างใช้เป็นแท่นกระโดดได้ เอาไว้ปีนขึ้นแทนเชือกได้ หรือแม้แต่บางชนิดจะปล่อยละอองพิษหรือทำร้ายเราได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้เพื่อเอามาใช้ในเรื่องของการคราฟไอเทมต่างๆ รวมไปถึงพวกสัตว์ที่สามารถล่าเพื่อเอาวัตถุดิบ เป็นต้น ความน่าสนใจอย่างมากอีกอย่างก็คือเราสามารถกดใช้ Na’vi senses เพื่อแสกนดูพืชและสัตว์ต่างๆ และอ่านข้อมูลของมันได้อย่างละเอียดยิบ
สำหรับเรื่องราวใน Avatar: Frontiers of Pandora เราจะได้เล่นเป็นชาว Navi ที่ถูกองค์กร RDA จับตัวมาตั้งแต่เด็กพร้อมกับพี่น้องที่อยู่ในเผ่า Sarentu และสืบเนื่องจากเหตุการณ์ในภาพยนต์ Avatar ภาคแรกที่เกิดสงครามระหว่างชาว Navi กับ RDA ทำให้ตัวเราและพวกได้รับการช่วยเหลือจากนักวิทยาศาสตร์อย่าง Alma Cortez ซึ่งแนะนำให้เข้าไปนอนหลับในแคปซูลจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 16 ปี ตัวเราก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง โดยจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับในภาพยนต์ Avatar: The Way of Water นั่นเอง และเราจะได้เข้าร่วมกลุ่มต่อต้าน RDA และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาว Navi การผจญภัยกับทำภารกิจต่างๆ บน Pandora ก็ได้เริ่มขึ้น…
ทางด้านของเกมเพลย์ต้องบอกว่าเป็นเหมือนกับที่หลายคนพูดถึงก็คือตัวเกมมีลักษณะในการเล่นคล้ายกับเกม Farcry อย่างมาก และมุมมองในการเล่นก็จะเป็นแบบ FPS เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับบางคนที่เล่นแนวนี้แล้วปวดหัว ด้วยความที่เป็นเกม Open World ก็จะเปิดโอกาสให้เราได้ทำภารกิจและท่องไปในโลกอันกว้างใหญ่ของ Pandora ซึ่งมีหลายเผ่ากระจายอยู่ตามจุดต่างๆ มีการถล่มฐานของ RDA ที่ปล่อยควันพิษและทำลายสิ่งแวดล้อม การล่าสัตว์เก็บพืชมาคราฟสร้างเป็นอาวุธกับเครื่องแต่งกายเพื่อให้ตัวเราเก่งขึ้น มีปรุงอาหาร มีหาสูตรการสร้าง และแน่นอนว่ามีเรื่องของการอัพสกิลด้วยโดยจะแบ่งออกเป็นสายต่างๆ แล้วแต่ว่าใครจะเล่นสไตล์ไหน ตัวอย่าง เช่น สายต่อสู้ สายอาชีวิตรอด สายล่าสัตว์ สายคราฟของ เป็นต้น
การต่อสู้นั้นจะมีอาวุธให้เราใช้ทั้งพวกอาวุธของชาว Navi ที่เป็นธนู หอก หรือไม้ปาระเบิด กับพวกอาวุธสมัยใหม่ของ RDA เช่น ปืนกล ปืนลูกซอง ปืนยิงระเบิด ลูกระเบิด เป็นต้น ก็อยู่ที่ว่าใครอยากเล่นในแบบไหน การต่อสู้จะเหมือนเกม FPS ทั่วไป ซึ่งในบางจุดสามารถยิงพวกถังเชื้อเพลิงให้เกิดการระเบิดได้ แต่อย่างไรก็ตามการทำภารกิจหรือยึดฐานต่างๆ นั้นเราไม่จำเป็นต้องฆ่าใครก็ได้เพียงแค่จัดการกับเป้าหมายพวกเครื่องต่างๆ หรือแก้ Puzzle ได้เสร็จก็พอ ศัตรูในเกมก็จะมีทั้งพวกสัตว์ป่า มนุษย์ หุ่นยนต์ ยานเครื่องบิน เป็นต้น
ในเกมนอกจาก Fast Travel ที่ช่วยให้เราเดินทางได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีเรื่องของการขี่ Ikran บินไปบนท้องฟ้ากับการขี่ Direhorse ได้ แต่ก็ต้องปลดล๊อคไปตามเนื้อเรื่องเสียก่อนถึงจะใช้ได้ การ Fast Travel แบบปกติจะเสียพลังงานซึ่งต้องคอยกินอาหารในการชดเชย ส่วนตัวชอบการขี่ Ikran เอามากๆ เพราะมันจะช่วยให้เราเพลิดเพลินไปกับวิวอันงดงามของ Pandora แถมเรายังสามารถต่อสู้บนหลัง Ikran ได้อีกต่างหาก
สรุปภาพรวม Avatar: Frontiers of Pandora อาจจะมีความคล้ายกับ Farcry อยู่บ้างแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แม้เกมเพลย์จะไม่ค่อยมีอะไรใหม่หรือแตกต่างไปนัก แต่ด้วยงานภาพและสภาพแวดล้อมของ Pandora ก็ทำให้เราตะลึงและสนุกไปกับการสำรวจ บอกเลยว่ากราฟิกสวยเอามากๆ แต่ด้วยความที่พื้นที่เป็นป่าซะส่วนใหญ่ดังนั้นในช่วงแรกๆ อาจจะทำให้ผู้เล่นงงๆ อยู่บ้างกับระบบนำทาง หรือการมองเห็นศัตรู และการตามหาวัตถุดิบในการคราฟของ ทั้งนี้ถ้าหากว่าใครชอบซีรีส์ Avatar ชอบสำรวจโลกกว้างและงานภาพที่สวยงาม แนะนำให้ไปหาเกมนี้มาเล่นกันครับ ซึ่งตัวเกมยังรองรับการเล่นแบบ Co-op กับเพื่อนได้อีกด้วย
