[Review] Final Fantasy 7 Rebirth

1,158 views
Share

สำหรับตอนนี้ Final Fantasy 7 Rebirth ก็วางจำหน่ายออกมาให้แฟนๆ ได้เล่นกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบอกเลยว่าทาง Square Enix ก็ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง กับเรื่องราวของการเดินทางต่อที่เข้มข้นของการหยิบเอา Final Fantasy 7 มารีเมคใหม่ทั้งหมดให้เราได้เล่นกัน ซึ่งตอนนี้ก็เดินทางมาถึงพาร์ท 2 กันแล้ว ทางเรามีโอกาสเล่นไปจนจบก็เลยจะมารีวิวกับพูดถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เล่น Final Fantasy 7 Rebirth ให้อ่านกันครับ

หลังจากที่ Final Fantasy 7 Remake ในภาคก่อนสร้างความสำเร็จไว้อย่างงดงาม ทั้งในเรื่องของกราฟิก ระบบการเล่น และภาพรวมของเกมที่น่าทึ่ง ซึ่งเรื่องราวก็ดำเนินไปจนถึงช่วงจบเมืองมิดการ์ และทิ้งคำถามกับปริศนาในหลายๆ มุมให้กับผู้เล่นได้ค้างคาใจเพราะเนื้อเรื่องดั้งเดิมนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปและดูเหมือนเวลาจะบิดเบี้ยวไปด้วย และใน Final Fantasy 7 Rebirth นี้เองที่จะเป็นการพาเราไปผจญถัยในโลกภายนอกหลังจากที่ออกจากมิดการ์แล้วนั่นเอง หลังจากการเล่นไปอย่างยาวนานเกือบร้อยชั่วโมง ส่วนตัวแล้วไม่อยากจะสปอยอะไรทั้งนั้น อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกันเอาเองในส่วนของเนื้อเรื่องครับ บอกเลยว่าเข้มข้นมากๆ และมีอะไรให้ติดตามกันต่ออีกแน่นอน

อย่างไรก็ตามก่อนอื่นต้องบอกว่าข้อมูลและเซฟของภาค Remake จะไม่สามารถโอนย้ายหรือนำอาวุธไอเทมใดๆ มาเล่นต่อในภาค Rebirth ได้ เพราะมันจะแยกออกจากกันไปเลย ทุกคนต้องเริ่มใหม่เหมือนกันหมด แต่ถ้าใครมีเซฟเดิมอยู่ก็สามารถนำมารับโบนัสจากเกมได้ที่หน้าเมนูเริ่มต้น

ในส่วนของเกมเพลย์นั้นส่วนของการต่อสู้มีการยกเอาของเดิมมาปรับปรุงใหม่นิดหน่อย แต่รวมๆ แล้วยังเหมือนเดิมที่เราสามารถบังคับเล่นได้ทั้งแบบแอคชั่นหรือเลือกที่จะใช้คำสั่ง ซึ่งแน่นอนว่ายังเป็นการต่อสู้แบบ Real Time ที่ต้องอาศัยเกจ ATB กับการโจมตีศัตรูให้ติดสถานะ Staggered ทั้งนี้มีระบบ First Strike เข้ามาด้วยในตอนก่อนเริ่มต่อสู้ที่พอเจอศัตรูเดินอยู่แล้วเราสามารถกดปุ่มสีเหลี่ยมเพื่อชิงโจมตีศัตรูก่อนได้ จะทำให้ได้เกจ ATB เพิ่มขึ้นมา และในเรื่องการต่อสู้อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาก็คือระบบ Synergy Attack ที่จะเป็นท่าโจมตีแบบประสานระหว่างสองตัวละครซึ่งหลายคนคงจะเห็นกันมาแล้วในตัวอย่างของเกม ที่สำคัญการประสานระหว่างตัวละครสองคนนั้นสามารถเลือกใช้งานกันได้ทุกตัวด้วย ทำให้เราอยากที่จะลองคอมโบและเปลี่ยนตัวละครในปาร์ตี้อยู่เรื่อยๆ เพื่อดูคอมโบใหม่ๆ และเลือกใช้ให้ถูกในสถานการณ์ต่างๆ

แผนที่ในภาค Rebirth ดูจะกว้างใหญ่และให้ความตื่นตาตื่นใจมาก ทั้งการออกแบบสภาพแวดล้อมและพื้นที่ต่างๆ ที่จะให้เราได้ไปทำกิจกรรม เรียกว่ากว่าจะเปิดแผนที่ได้ทั้งหมดเล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียว ซึ่งมันจะมีทั้งเควสท์หลักและเควสท์เสริมให้เราได้ทำ รวมไปถึงกิจกรรมในการสำรวจหอส่งสัญญาณ เมื่อตามหาจนเจอแล้วกดเปิดสัญญาณก็จะมีการโชว์เป้าหมายที่เราต้องไปจัดการในพื้นที่นั้นๆ ไล่ไปตั้งแต่ ตีมอนสเตอร์ หากล่องสมบัติ สแกนคริสตัล หาวิหารซัมม่อน เป็นต้น เมื่อไล่เก็บได้ก็จะปลดล๊อคภารกิจในห้องจำลองของแชดลี่ ปลดล๊อคการสร้างของ หรือการเข้าไปชิงรางวัลพิเศษต่างๆ ซึ่งทั่วทั้งเกมบอกเลยว่ามีเสาสัญญาณเยอะมาก จนบางครั้งก็แอบเบื่อไปอยู่เหมือนกันที่ต้องทำแบบซ้ำไปซ้ำมา แถมในเกมยังมีมินิเกมให้เราได้เล่นอีกมากมายหลายสิบอย่าง แน่นอนว่ามีแข่งโจโกโบะด้วย เล่นเปียนโนก็มี เตะบอล ยิงปืน และอีกหลายสิ่งที่อยากจะให้เข้าไปเจอกันเอาเองครับ

แต่สิ่งที่ชอบมากในเกมนี้ก็คือ Queen’s Blood มินิเกมแข่งการ์ดที่ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แถมมีเนื้อเรื่องแยกของตัวเองและการแข่งขันไต่ระดับแรงค์ด้วย การทำความเข้าใจในการเล่นนั้นไม่ยากแค่วางการ์ดลงไปในแต่ละแถวแนวนอนให้คะแนนเยอะกว่าฝั่งตรงข้ามให้ได้ แต่ส่วนที่ยากและซับซ้อนก็คือคุณสมบัติของการ์ดที่หลังๆ ความสามารถมีเยอะสิ่งสุดๆ ถ้าชนะได้ก็จะได้การ์ดมาเป็นรางวัล การตามหาการ์ดให้ครบก็ถือเป็นส่วนที่ท้าทายเลยทีเดียว

เมื่อแผนที่กว้างใหญ่ขึ้นในภาคนี้ก็จะมีเจ้านกโจโกโบะมาให้เราได้ขี่ใช้งานกัน ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีความสามารถที่ต่างกันออกไปด้วย โดยอิงจากแต่ละเขตพื้นที่ เช่น ใช้ว่ายน้ำได้ ปีนหน้าผาได้ บางตัวกระโดดบนเห็ดได้ เป็นต้น รวมถึงพวกมันยังสามารถใช้ในการขุดหาของที่อยู่ตามฉากด้วย ส่วนใครชอบวาร์ปรวดเร็วทันใจก็มี Fast Travel ให้ใช้เช่นกัน

สรุปภาพรวมของ Final Fantasy 7 Rebirth ส่วนตัวแล้วคิดว่าเกมยังคงอยู่ในมาตรฐานที่ดีทั้งในส่วนของกราฟิก เกมเพลย์ เนื้อหาที่ดูจะเข้มข้นและมีรายละเอียดจุดน่าสนใจที่เพิ่มเติมเข้ามา โลกข้างนอกมิดการ์นั้นกว้างใหญ่และมีอะไรให้เราได้ทำมากมาย โดยเฉพาะบรรดามินิเกมต่างๆ ที่ตัวเกมใส่มาแบบจัดเต็มจนทำเอาคิดว่าหลายคนคงจะมัวแต่วุ่นอยู่กับมินิเกมจนเนื้อเรื่องหลักไปไม่ถึงไหนกันแน่นอน ส่วนที่เป็นข้อสังเกตุคิดว่าคงจะเป็น Ai เพื่อนของเราในปาร์ตี้ที่ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นักในโหมดต่อสู้ บางครั้งดูงงๆ ไปหน่อย กับเรื่องของแสงเงาและเทกเจอร์ แต่ก็ถือว่าเป็นปัญหาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เอาเป็นว่าเกมนี้ถือเป็นเกม Action RPG ที่ชาว PS5 ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Demon Slayer -Kimetsu no Yaiba- Sweep the Board พร้อมวางจำหน่ายให้เล่นแล้วบน Switch
GALIX: New Horizons เกมสไตล์ Sci-Fi Action RPG ประกาศลง PC และ PS5
โอม…จงเลิฟ! ต้อนรับเหล่าเกมเมอร์ กับการเปิดตัวเกม Audition Dance & Date
Inti Creates Gold Archive Collection ประกาศเปิดตัวลง Nintendo Switch
Hunter x Hunter: Nen x Impact ปล่อยตัวอย่างแรกให้ชม
BlizzCon 2024 ประกาศยกเลิกจัดงาน