[Review] Diablo 4 การหวนคืนของเกม Action RPG ดาร์คแฟนตาซีที่แฟนๆ ไม่ควรพลาด

15,197 views
Share

รอคอยกันมายาวนานเลยทีเดียวสำหรับเกม Action RPG ระดับตำนานอย่างภาคใหม่ล่าสุดของ Diablo 4 ที่ตอนนี้หลายคนคงจะได้เข้าไปลุยกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ถือว่าทาง Blizzard ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังเลยจริงๆ ตัวเกมมีพัฒนาการไปในทางที่ดีในหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะธีมของเกมที่กลับไปเป็นสไตล์ดาร์คแฟนตาซีแบบจัดหนักจัดเต็มกันเหมือนกับในยุคแรกๆ วันนี้จะพาไปดูรายละเอียดของเกมรวมไปถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เล่นเกมนี้ให้อ่านกันครับ

แน่นอนอยู่แล้วว่าเกมนี้หลายคนติดตามเนื้อเรื่องอันเข้มข้นมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องราวของ Diablo 4 ก็จะมีเนื้อหาที่สานต่อจากภาค 3 กันเลย กล่าวถึงโลกที่ผู้คนล้มตายไปจนเกือบหมดสิ้นจาก เหตุการณ์ Reaper of Soul แถมชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่เหลืออยู่ก็ลำบากยากเย็นกันเหลือเกิน ตัวเกมจะเกี่ยวกับ Lilith มารดาของเหล่ามนุษย์ผู้ให้กำเนิดแผ่นดิน Sanctuary ที่กลับมาเยือนดินแดนกันอีกครั้งพร้อมกับกองทัพปีศาจและลูกๆ ของเธอ ก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ซึ่งแนะนำว่าให้ได้ลองเข้าไปสัมผัสเนื้อเรื่องกันเองดีกว่าครับ ไม่ขอพูดถึงในส่วนนี้มาก บอกเลยว่าน่าติดตามและเดือดจัดๆ อีกแล้ว

แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของการเล่าเรื่องในภาคนี้ดูเหมือนว่าทาง Blizzard จะลดในเรื่องของ CG คัทซีนลงไปอยู่พอสมควรแต่หันมาเน้นคัทซีนที่ใช้เอนจิ้นภายในเกมเป็นฉากเล่าเรื่องแทน แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ติดอะไรเลยเพราะกราฟิกในเกมภาคนี้ก็สวยงามเพียงพอแล้ว แถมยังมีหลายฉษกที่จะให้เราได้เห็นมุมมองทางด้านภาพในแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาใน Diablo ภาคก่อนๆ ด้วย ส่วนสิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือบทบาทของตัวละครกับ NPC หลายๆ ตัวในภาคนี้ที่ดูมีมิติและมีความผูกพันธ์กันมากขึ้น ทั้งกลุ่มตัวละครหลักฝ่ายดีหรือตัวละครในด้านฝั่งร้าย โดยเฉพาะตัวละครของผู้เล่นเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในเกมมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ตัวละครในภาคนี้เบื้องต้นจะมีให้เลือกเล่นกัน 5 อาชีพ สามารถเลือกเพศได้ทั้งชายและหญิง โดยประกอบไปด้วย Barbarian, Necromancer, Sorcerer, Rogue และ Druid ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีอาวุธกับความสามารถในการต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไป ถ้าใครเคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อนก็จะเข้าใจแต่ละตัวได้ไม่ยาก ส่วนมือใหม่ก็ไม่ยากเพราะหลักๆ นั้นอิงมาจากเกม RPG กันอยู่แล้ว และแน่นอนว่าในอนาคตจะมีตัวละครคลาสใหม่เข้ามาด้วย สิ่งที่แตกต่างไปจากภาคก่อนๆ ของตัวละครก็คือเรื่องของการอัพสกิลที่มีให้เลือกเล่นกันหลากหลายขึ้น แถมยังสามารถรีสกิลอัพใหม่ได้ตลอดด้วย

สำหรับเกมเพลย์ของ Diablo 4 ยังคงเป็นแนว Action RPG มุมมองจากด้านบนลงไปเน้นการหวดศัตรู เก็บเลเวล ฟาร์มหาของเหมือนกับทุกภาคที่ผ่านมา และคงไว้ซึ่ง UI ของเลือดและพลัมมานากับแถบการกดใช้สกิลที่เป็นเอกลักษณ์ โดยผู้เล่นสามารถที่จะใช้คีบอร์ดหรือจอยคอนโทรลเลอร์ได้หากเล่นบน PC ซึ่งผู้เขียนเองรู้สึกดีใจมากที่ภาคนี้รองรับการเล่นด้วยจอยเสียที จะได้นอนเอนหลังเล่นกันสบายๆ เกมเพลย์ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือตัวเลเวลของศัตรูจะไปตามเลเวลของละครด้วย และมีการเพิ่มปุ่มหลบมาให้เรากดใช้แล้วด้วย แต่โดยรวมรู้สึกว่าจังหวะการต่อสู้ในภาคนี้ดูช้าลงเมื่อเทียบกับภาคก่อน และภาคนี้ยังได้มีการเพิ่มระบบภารกิจเสริมมาให้เราทำเพิ่มเติมจากภารกิจเนื้อเรื่องหลักด้วยเช่นกัน

แผนที่โลกในภาคนี้จะมีขนาดที่ใหญ่มาก และทุกโซนสามารถเชื่อมกันหมดเป็นเหมือนๆ กับเกมแนว RPG Open World เลยก็ว่าได้ เพราะตัวเกมยังมีการบังคับให้ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาในการเล่นด้วย แถมในแผนที่เราจะได้เจอกับผู้เล่นคนอื่นๆ เดินไปเดินมาบ้างเช่นกัน โดยเฉพาะในเมืองต่างๆ และจะมีจุดที่ให้ผู้เล่นหลายคนร่วมกันต่อสู้กับ World Boss ขนาดใหญ่ที่ตึงมือมากๆ อยู่ด้วย ก็ดูสนุกไปอีกแบบ และยังมีพวก Event ต่างๆ ให้ทำกันอยู่ตลอดไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน ทั้งนี้หากปลดล๊อคจุดวาร์ปแต่ละเมืองได้ก็ทำให้เดินทางได้สะดวกขึ้น หรือในช่วงหลังของเนื้อเรื่องเราจะได้ม้ามาใช้ก็ทำให้ไปไหนมาไหนได้รวดเร็วขึ้นเยอะ ส่วนการเล่นแบบ Online Multiplayer กับเพื่อนก็ยังสามารถทำได้เช่นกัน ใครอยากลงดันปาร์ตี้กับเพื่อนก็ยังสนุกกันเหมือนเดิม

ตัวเกมในภาคนี้มีการใส่ Shop ซึ่งเป็นร้านค้าขายของด้วยเงินจริงเข้าไปด้วย ซึ่งทาง Blizzard ระบุมาว่ามันจะมีเฉพาะไอเทมพวกของตกแต่งเพื่อความสวยงามเท่านั้น ไม่ได้มีเกี่ยวกับค่าสถานะของตัวละครแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงนี้เท่าที่เห็นก็มีชุดสกินของแต่ละอาชีพกับเรื่องของม้าให้เราได้ซื้อหามาเป็นเจ้าของนั่นเอง

สรุปภาพรวมของ Diablo 4 เรียกว่าน่าประทับใจมาก ทั้งเรื่องกราฟิกและรายละเอียดของฉากต่างๆ ในเกมที่พัฒนาขึ้น มีความดิบเถื่อนในแบบดาร์คแฟนตาซีสะใจแฟนๆ ส่วนพาร์ทของเกมเพลย์การต่อสู้กับการอัพสกิลไปจนถึง Paragon ในช่วง End game ก็ดูน่าสนใจและให้อิสระในการเลือกสไตล์การเล่นที่หลากหลาย มีระบบ Aspect ที่ดึงเอาพลังจากไอเทมย้ายไปใส่ไอเทมใหม่ได้ มีดันเจี้ยนให้ลุยมากมาย ส่วนคอนเท้นท์ End game ก็มีให้ได้ฟาร์มกันเพียบ ทั้ง Tree of Whispers ภารกิจสะสมแต้ม หรือจะเป็น Helltide Event ที่สุ่มพื้นที่ไปเรื่อยๆ กับความท้าทายสุดโหดใน Nightmare Dungeons ซึ่งเป็นเปลี่ยนดันเจี้ยนปกติให้มีความยากสูงขึ้น และมีโอกาสรับของเทพๆ ที่ดีกว่าเดิม และยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตจะมี Battlepass กับความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาอีกเพียบ บอกเลยเป็นเกมที่ดูดเวลาชีวิตได้อย่างน่ากลัวจริงๆ ใครที่ชอบเกมแนว Action RPG หรือเป็นแฟนซีรีส์นี้อยู่แล้วไม่ควพพลาด !!

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Fabledom เตรียมวางจำหน่ายให้เล่นบน PS5, Xbox Series และ Switch ช่วง Q3 2024
Ubisoft ยืนยันชื่อภาคต่อไป Assassin’s Creed Shadows เตรียมลุยญี่ปุ่น
Black Desert อัพเดทเครื่องประดับที่เพิ่มสถานะสูงสุด ‘แหวนเดโบห์เรก้าร์’
Samurai Warriors 4 DX เปิดให้บริการในรูปแบบ PC ทั่วโลก
Big Helmet Heroes เกมแอ็คชั่นผจญภัย Beat Em up ประกาศลงคอนโซลและพีซี
INDIKA ประกาศเตรียมส่งเวอร์ชั่น PS5, Xbox Series มาให้เล่นกัน 17 พฤษภาคมนี้