Cabal 2 Challenge Mode อยากโหดต้องลุย
ช่วงนี้ต้องบอกกันตรงๆ ว่ากระแสเกมอาจจะแผ่วไปนิดหน่อย เนื่องด้วยบั๊กและปัญหาทางเทคนิคของเซิร์ฟเวอร์ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ให้บริการและทาง GM ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหากันอย่างแข็งขัน จะเห็นได้จากมีการตอบโพสต์ในเพจจากเหล่า GM ผู้ดูแลแทบจะทุกโพสต์ งานนี้ต้องบอกว่าเอาใจกันไปเต็มๆ เลยทีเดียว สำหรับฉบับนี้หลังจากอัพเดทแพทช์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนผมเองก็ได้เข้าไปสัมผัสโหมดใหม่หรือที่เรียกกันว่า Challenge Mode มาแล้ว เอาเป็นว่าในครั้งนี้เรามาทำความรู้จักกับโหมดที่ว่านี้กันดีกว่า
Challenge Mode
เลเวลที่ต้องการ : เลเวล 45 ขึ้นไป
รอบดัน : เข้าได้วันละ 1 ครั้ง รีเซ็ตเวลา 04.00 น. ทุกวัน
เป็นโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในแพทช์ล่าสุด รูปแบบของโหมดนี้จะเป็นเหมือนกับดันเจี้ยนทั่วๆ ไป แต่จะแตกต่างกันที่ดันเจี้ยน Challenge Mode จะไม่ดร็อปไอเทมใดๆ เน้นการทำเวลาเป็นหลักเท่านั้น มีเงื่อนไขและรูปแบบอื่นๆ อีกดังนี้
– ไม่ดร็อปอุปกรณ์และไอเทม
– มอนสเตอร์แข็งแกร่งกว่าดันเจี้ยนโหมดปกติ
– ไม่มีเงื่อนไขของด่านเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น กลไก, กับดัก และอื่นๆ เป็นต้น
– มีเวลาจำกัดในการกำจัดบอสแต่ละตัว เมื่อกำจัดบอสได้เวลาก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนที่กำหนด
– มีการนับ Points Score ในการลงดันเจี้ยน และ Points Score ที่ดีที่สุดจะถูกบันทึกไว้
เวลาเข้าดันเจี้ยนจะมีให้เลือก 2 โหมดคือ Normal และ Challenge Mode
การเข้าสู่ดันเจี้ยนเมื่อเวลาหมดจะถือว่า Failed ทันที และจะไม่ได้รับรางวัลใดๆ ถ้ามีการออกดันเจี้ยนกลางคัน, หลุดหรือล้มเหลว รอบดันจะไม่นับและสามารถเข้าใหม่ได้จนสำเร็จ
ดันเจี้ยนไหนบ้างที่มี Challenge Mode
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกดันเจี้ยนที่จะมี Challenge Mode ให้ได้เข้า ในแพทช์ปัจจุบันจะมีเพียงแค่ 4 ดันเจี้ยนเท่านั้นที่มี ซึ่งดันเจี้ยนเหล่านั้นประกอบไปด้วย
– Lupurs Excuvation Site (ดันเจี้ยนเลเวล 18)
– Hall of Recluse (ดันเจี้ยนเลเวล 27)
– Heavenly Citadel (ดันเจี้ยนเลเวล 40)
– Calm Snowy Fields (ดันเจี้ยนเลเวล 43)
การเข้าสู่ดันเจี้ยนระดับ Challenge Mode เพียงแค่เราเดินทางไปยังดันเจี้ยนดังกล่าวแล้วก่อนเข้าเลือกที่ Challenge Mode เพียงแค่นี้ก็สามารถเข้าได้แล้ว อ้อ!! อย่าลืมนะจ๊ะว่าการจะเข้า Challenge Mode ต้องมีเลเวลตัวละครขั้นต่ำ 45 ขึ้นไป
บอกเลยว่ามอนสเตอร์โหดมาก
ของรางวัลเมื่อจบดันเจี้ยน
– Reward Box กล่องที่จะสามารถเปิดได้เมื่อเคลียร์ดันเจี้ยน ข้างในกล่องจะเป็นไอเทมประเภท Core และ Rune ตามระดับเลเวล
– Challenge Point ใช้ในการแลกไอเทมประเภท Rune ที่ NPC Rune Engineer ที่อยู่ในแผนที่เมืองต่างๆ
ยิ่งแร็งค์สูงของรางวัลก็ดีตามไปด้วย
Challenge Point
อย่างที่บอกไปแล้วก็คือ Challenge Point สามารถนำไปแลกรูนได้ที่ Rune Engineer ในแผนที่เมืองต่างๆ โดยเจ้า Challenge Point ที่ว่านี้จะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับ Rank ที่เราทำได้จากการเคลียร์ดันเจี้ยน โดยแต้มของแต่ละ Rank จะได้ดังนี้
– Rank S ได้รับ Challenge Point จำนวน 400 หน่วย
– Rank A ได้รับ Challenge Point จำนวน 300 หน่วย
– Rank B ได้รับ Challenge Point จำนวน 200 หน่วย
– Rank C ได้รับ Challenge Point จำนวน 100 หน่วย
อยากได้ Rune อะไรก็แลกกับเธอคนนี้ได้เลย
ระบบ Rune System
อีกหนึ่งระบบที่จะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับตัวละคนของเราได้มาก และต้องบอกว่าการใส่ Rune ให้กับตัวละครนั้นถือว่ามีความสำคัญและแสดงผลได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ประเภทของ Rune
รูนจะถูกแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ 3 ประเภทด้วยกันคือ
Attack Rune
ประกอบไปด้วย Rune ที่เพิ่มค่าพลังโจมตีหรือมีส่วนในการโจมตี ประกอบไปด้วย Rune All ATK, Accuracy, Critical Accuracy และ Healing Power มีช่องสำหรับใส่รูนทั้งหมด 10 ช่อง
Defense Rune
เป็นรูนที่ช่วยเพิ่มการป้องกันให้กับตัวละคร ประกอบไปด้วย Rune All Defence, Evasion และ Max HP มีช่องสำหรับใส่รูนทั้งหมด 10 ช่อง
Special Rune
รูนที่ช่วยเพิ่มความสามารถพิเศษและเพิ่มเอ็ฟเฟ็คท์ของสกิลต่างๆ มีข้อจำกัดคือ สามารถใส่ได้สูงสุดเพียงแค่ 2 ก้อนเท่านั้น ซึ่งในแพทช์ปัจจุบันยังไม่มีรูนประเภทนี้
*** รูปชนิดเดียวกันจะใส่ให้กับตัวละครได้สูงสุดเพียง 5 ก้อน เช่น Rune All ATK จะใส่ในช่อง Attack Rune ได้เพียงแค่ 5 ก้อนเท่านั้น ***
เห็นผมเลเวลเยอะแต่ผมมีรูนใส่แค่นี้แหล่ะ ฮา!!
การอัพเกรดเลเวล Rune
อีกหนึ่งระบบที่คนไม่ค่อยจะทราบกันเกี่ยวกับการอัพเลเวล Rune การอัพเลเวล Rune สามารถทำได้แบบง่ายๆ เพียงแค่เดินทางไปหา NPC Rune Engineer จากนั้นให้เลือกที่หัวข้อ “Rune Transformation”
อัพเลเวลรูนให้เลือกข้อนี้
จากนั้นจะมีหน้าต่างการผสม Rune โผล่ขึ้นมา โดยการผสมรูนจะมีเงื่อนไขและรูปแบบการผสมดังนี้
– ใช้รูนชนิดเดียวกัน 3 ก้อนเมื่อผสมเข้าด้วยกันจะอัพระดับเลเวลเพิ่มขึ้น 1 ระดับเลเวล ตัวอย่างเช่น เมื่อทำการนำ Rune All ATK Lv.3 จำนวน 3 ก้อนผสมเข้าด้วยกัน ถ้าสำเร็จก็จะได้รับ Rune All ATK Lv.4
– ใช้รูนต่างชนิดกัน 3 ก่อน เมื่อผสมเข้าด้วยกันเมื่อสำเร็จก็จะไม่อัพระดับเลเวลแต่อย่างใดและรูนที่ออกมาจะเป็นแบบสุ่ม ตัวอย่างเช่น Rune All ATK Lv.3 จำนวน 1 ก้อน ผสมกับ Rune Accuracy Lv.3 จำนวน 2 ก้อน ผลลัพธ์ที่ได้มาจะกลายเป็น Rune Lv.3 แบบสุ่ม เหมาะกับการใช้เปลี่ยนรูนที่ไม่ต้องการ
– การอัพเกรดรูนมีระดับความปลอดภัยที่ Rune Lv.3 เมื่อทำการผสม Rune ตั้งแต่เลเวล 4 ขึ้นไป ถ้าทำการผสมล้มเหลว Rune ทั้งหมดจะมีโอกาสหายไป
เพิ่มเติม
การผสม Rune จะมีไอเทมช่วยเหลือ 2 อย่างด้วยกันคือ
– Foce Crystal เพิ่มโอกาสสำเร็จในการผสมให้สูงขึ้น ไอเทมชิ้นนี้หาได้จากการทำเควสท์สีส้มตามแผนที่ทั่วไป หรือจากการลง Monster Arena
– Destruction Defense Potion ไอเทมป้องกันการถูกทำลายเมื่อทำการผสมล้มเหลว แนะนำให้ใช้ตั้งแต่การผสม Rune Lv.4 ขึ้นไป ไอเทมชิ้นนี้หาได้จากการซื้อจากไอเทมมอลล์
อ้อ!! ลืมบอกไปว่าในไอเทมมอลล์มีกล่องสุ่ม Rune ขายด้วยนะเออ ใครที่ไม่มีเวลาลงดันเจี้ยนหรืออยากเก่งแบบรวดเร็วก็สามารถหาซื้อกล่องสุ่ม Rune ได้ในไอเทมมอลล์ โดยรูนที่สุ่มได้จะมีตั้งแต่ระดับเลเวล 2 – 6
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นคือ Rune ถือเป็นไอเทมที่ส่งผลต่อความเก่งของตัวละครมากๆ การลง Challenge Mode ให้ครบทุกดันเจี้ยนถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
WEBSITE : http://cabal2.playpark.com/th
FACEBOOK : http://www.facebook.com/Playpark.CABAL2.TH
YOUTUBE : https://gaming.youtube.com/user/CabalTH
LINE OFFICIAL : https://line.me/ti/p/%40playpark
TWITTER : https://twitter.com/playpark
อ่านข่าวเกมนี้บนมือถือ : http://appcenter.playpark.com/mobile-app
