[กุนซือรีวิว] Dissidia Final Fantasy Opera Omnia เกมรวมฮีโร่จากซีรี่ส์ไฟนอล ที่พลาดไปจะเสียใจ

3,459 views
Share

Dissidia Final Fantasy Opera Omnia เป็นเกมแนว Classic Turn Based Tactic ที่ผู้เล่นจะได้รวบรวมเหล่าฮีโร่จำนวนมากมายจากเกมซีรี่ส์ไฟนอลแฟนตาซี ซึ่งผู้เล่นสามารถจัดทีมเข้าต่อสู้ได้ 3 คน ตามแผนการที่มี เพื่อกอบกู้โลกที่กำลังโดนความมืดเข้าครอบงำ
ความเห็นทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว อาจถูกใจหรือไม่ถูกใจบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

จุดเด่น

• ระบบต่อสู้ที่ท้าทาย 

เกมนี้ระบบต่อสู้จะเป็นแบบ Turn Base ซึ่งจะมีค่าพลังอยู่ 2 ค่าด้วยกันคือค่า Brave และ ค่า HP ค่า Brave จะส่งต่อพลังโจมตี และหากค่า Brave ถูกทำลายจนหมด ตัวละครนั้นจะติดสถานะ Break ทำให้จะได้ออกแอคชั่นช้าไปเทิร์นนึง ฉะนั้นระบบต่อสู้ในเกมนี้เรียบง่าย แต่ท้าทายความคิดของผู้เล่นเป็นอย่างมาก

• ระบบอัพเกรดคริสตัล 

การอัพเกรดตัวละครในเกมนี้ไม่ได้มีแต่อัพเลเวลเท่านั้น ยังมีการอัพเกรดตัวละครด้วยคริสตัลสีประจำตัวละครด้วย การอัพเกรดนี้จะส่งผลต่อค่าสถานะของตัวละคร และสกิลของตัวละคร ยิ่งอัพมาก ตัวละครยิ่งเก่งมาก

• ตัวละครไม่ต้องสุ่ม 

เกมนี้ตัวละครจะได้ตามเนื้อเรื่องเลย ฉะนั้นใครเปย์ใคร อวยใครไม่ต้องสุ่มให้เสียว หากตัวละครที่เราอยากได้แต่ไม่อยู่ในเนื้อเรื่องก็ไม่ต้องเซ็งเพราะเกมนี้แจกทุกตัวละครจริงๆ โดยจะเป็นอีเว้นท์แจกตัวละครเลย อยู่ที่ตัวไหนจะมาช้ามาเร็วเท่านั้นเอง

• เนื้อเรื่องน่าติดตาม 

เนื้อเรื่องในเกมนี้คือการที่เหล่าฮีโร่จะถูกดึงตัวมายังโลกใบใหม่ โดยหน้าที่ของพวกเขาคือการปิดประตูมิติที่บิดเบี้ยวทั้งหลาย เพื่อไม่ให้เหล่าปีศาจออกมาก่อกวนได้ แต่ใครกันล่ะที่เป็นคนเปิดประตู แล้วเขาทำไปทำไม หลายคนที่ไม่ร่วมมือกับเหล่าฮีโร่ แปลว่าเขาต้องเป็นคนเลวทุกคนหรือไม่ อีกทั้งฮีโร่ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันต่างก็มีโชคชะตาที่จะต้องเติมเต็มของตนเอง เกริ่นมาขนาดนี้ไม่ต้องบอกเลยใช่ไหมล่ะครับว่าเกมนี้เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขนาดไหน

• จัดทีมได้หลากหลาย 

เกมนี้จะเปิดโอกาสให้เราจัดทีมได้ 3 คน ซึ่งเราสามารถเลือกฮีโร่ที่ถูกใจเข้าทีมได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทีมสาวโมเอะ ทีมพี่เถื่อน ทีมดาบใหญ่ หรือทีมตามสถานการณ์ ก็แล้วแต่ใจชอบได้เลยครับ

• ระบบ Chain 

เกมนี้จะมีระบบ Chain ด้วย ซึ่งระบบ Chain นี้คือการโจมตีต่อเนื่องของเหล่าฮีโร่ ซึ่งการโจมตีต่อเนื่องนี้จะไม่ทำให้ผู้เล่นเสียเทิร์นของตัวละครนั้นๆ เรียกง่ายๆ ว่า ตีฟรีนั่นเอง

• ระบบมนต์อสูร 

มนต์อสูรเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเกมนี้ที่ขาดไม่ได้ โดยมนต์อสูรในเกมนี้จะส่งผลต่อผู้เล่นด้วยกันถึง 3 อย่างคือ Passive Skill ที่ส่งผลทันทีที่ผู้เล่นเลือกมนต์อสูรประจำตัว Active Skill ที่ส่งผลเมื่อผู้เล่นกดใช้ในการต่อสู้ และผลพลอยได้อย่างที่ 3 คือการใช้มนต์อสูรจะทำให้ผู้เล่นได้โจมตีศัตรูฟรีๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เรียกได้ว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวล่ะ

• ไม่มีพลังงาน 

หากใครชอบเล่นเกมแบบต่อเนื่องยาวๆ ละก็นี่คือโอกาสของคุณเพราะเกมนี้ไม่มีระบบ Energy ในส่วนสำคัญไม่ว่าจะเป็นโหมดเนื้อเรื่อง หรือมัลติเพลย์เยอร์ (มัลติสามารถเป็นเจ้าของห้องได้ 5 ครั้ง ที่เหลือเข้าร่วมกับคนอื่นได้เต็มที่) ที่จะต้องใช้พลังงานคือ แผนที่ฟาร์มเพชร และดันเจี้ยนประจำวันที่กำหนดจำนวนครั้งในการเข้าเท่านั้น

จุดด้อย
• ไม่มีป้องกัน 

น่าเสียดายที่เกมนี้เป็นเกม Turn Base ที่มีส่วนผสมของการวางแผน แต่เราไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากศัตรูได้ ทำให้บางครั้งเราถูกบังคับให้โจมตีศัตรูทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าศัตรูกำลังจะโจมตีมา ซึ่งก็ให้ความรู้สึกที่…แปลกๆ ไปบ้าง

จบแล้วครับสำหรับการเปรียบเทียบจุดเด่น – จุดด้อย ของเกม Dissidia Final Fantasy Opera Omnia ผู้อ่านบางท่านอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือมีความเห็นเสริมเพิ่มเติมสามารถเพิ่มเติมได้ที่คอมเม้นครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณ และสวัสดีครับ

Higashi

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Review] Dragon’s Dogma II
[Review] Rise of the Ronin
[Review] Persona 3 Reload
[Preview] Stellar Blade เวอร์ชั่น Demo ก่อนเปิดให้โหลดทดสอบจริงวันนี้
[Review] Solo Leveling: Arise เกมสุดมันส์จากเว็บตูนยอดฮิตที่มีให้เล่นแล้ววันนี้ทั้งบนพีซีและมือถือ
ปังมากแม่!! ครบรอบ 6 ปี PUBG MOBILE ชวนฉลองด้วยท่าเต้นกินไก่ Victory Dance